หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเหี้ยเหี้ย  (อ่าน 1999 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้ดูแลบอร์ด
คะแนนน้ำใจ 7754
เหรียญรางวัล:
นักอ่านยอดเยี่ยมนักโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์ผู้ดูแลบอร์ด
กระทู้: 658
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2559, 05:22:01 PM »

Permalink: เรื่องเหี้ยเหี้ย
กลอนบทนี้ก่อนอ่านต้องขอออกตัวกับท่านผู้อ่านก่อนและอย่าได้ตำหนิว่าผมใชถ้อยคำไม่สุภาพจนลบ
กลอนนี้ทิ้งเพราะทั้งบทกลอน เป็นเรื่องของสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสัตว์ตระกูลกิ้งก่าหรือขี้กระปอม
ที่คนอีสานใช้ชื่อเรียกสัตว์ตระกูลนี้  สัตว์เลื้อยคลานที่ผมกำลังจะเอ่ยถึง มันมีนามอันเป็นมงคลว่า"ตัวเงินตัวทอง"  
      แต่จริงๆ หาเป็นเช่นนั้นไม่ เนื่องจากมันมีพฤติกรรมเสียๆ หลายอย่างที่กระทบต่อวิถี ความเป็นอยู่ของมนุษย์
ที่สำคัญคือ เวลามันเข้าไปบ้านใคร ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือยามวิกาล มันมักชอบลักโขมยของ คือ
ชอบไปลักกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านอยู่เสมอ เช่น ไก่ หรือนกที่อยู่ในกรง ลูกหมา ลูกแมว และสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
ที่มีขนาดไม่โตนักขนาดผมเลี้ยงลูกกระต่ายสีขาว เลี้ยงตั้งแต่เล็ก จนมีขนาดและขนกำลังสวย วันหนึ่งก็ถูกมันแหกกรง
เอาแอบไปกินตอนกลางคืนเฉยเลย ทิ้งรอยเท้าเปื้อนโคลน บนพื้นปูนให้เห็นต่างหน้า  สุดท้ายไปเอาลูกกระต่าย
ตัวใหม่มาเลี้ยง สุดท้ายก็พลั้งเผลอก็ถูกมันขโมยไปกินเป็นครั้งที่สอง จึงเลิกเลี้ยง เพราะเกรงว่าจะบาปกับตัวเราเปล่าๆ
เพราะลูกกระต่ายอยู่ในกรง เหมือนวางไว้ในแดนประหาร คนที่เลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา ก็ถูกตัวเงินตัวทอง
แอบลักขโมยกินจนไม่เหลือหรอ กว่าจะรู้ตัว ก็ตอนช้อนตอนวิดบ่อ เพราะไม่มีกุ้ง หอย ปู ปลาว เหลือติดบ่อสักกะตัว
ด้วยอุปนิสัยขี้ลักขี้ขโมยแบบนี้แหละ คนเลยไม่ชอบ  จึงพร้อมใจกันขนานนาม ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แบบอัปมงคล
ว่า  "ตัวเหี้ย" คือถ้ามันเข้าบ้านไหน บ้านนั้นสัตว์เลี้ยงวายวอดหมด
  ทีนี้ พอเราไปพบคนที่มีนิสัย ไม่ดี เราจึงนึกถึงชื่อสัตว์ชนิดนี้และเรียกเขาว่า  เหี้ย หรือไอ้เหี้ย  ในช่วง
2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเรื่องของกลุ่มคนที่นิสัยไม่ดี จึงนึกถึง คำๆ นี้ และมองไปถึงการอบรมเลี้งดูของพ่อแม่ด้วย
ก็ "ลูกปู ย่อมเดินขาเก เดินไม่เป็นเส้นตรง เหมือนแม่ปู"  " ลูกเสือ ย่อมเดินองอาจอย่างแม่เสือ" "คุณหมอ
ยังเดินตามรอยเท้า แม่หมอ" เลย แล้วทำไม จะไม่ให้ผมคิดล่ะ ว่า " ลูกเหี้ย  ย่อมเดินตามหรือมีมีอุปนิสัยใจคอ
เหมือน พ่อเหี้ย แม่เหี้ย"   ผมมิได้กล่าวหา แต่เป็นเหตุผลเชิงตรรกกะตามที่เปรียบเทียบแล้ว ผิดจากนี้มีบ้างแต่น้อย
เรียกว่า หากจะเลว ส่วนใหญ่จะเลวโดย DNA และสิ่งแวดล้อมหล่อหลอมมาครับ ที่สำคัญ ก็คือการอบรมเลี้ยงดู
ของครอบครัว นั่นแหละครับ




เรื่องเหี้ย เหี้ย



เหี้ยเจอเหี้ย ผสมพันธุ์ มันเลยเหี้ย  
เพื่อนพาเสีย เหี้ยดั่งว่า น่าหมั่นไส้
เหี้ยมีลูก ไม่ต้องเตือน ว่าเหมือนใคร
 ก็ใช่ใคร เหมือนพ่อแม่ แน่แน่ "เหี้ย"

ก็พ่อเหี้ย แม่เหี้ย เลยเหี้ยหมด  
สุดรันทด เหี้ยสลด หมดเลยเสีย
คนพิการ รุมถูกฆ่า ว่าจนเพลีย  
ฆ่าโดยเหี้ย มันโอหัง ดังทั่วไทย

ฆ่าเขาแล้ว ยังกระหยิ่ม เฝ้ายิ้มย่อง
ยังเล่นกล้อง ดูไม่สั่น หรือหวั่นไหว
เหมือนฆ่าเล่น ให้เขาตาย สบายใจ
ประหารไหม ไอ้โรคจิต ที่คิดเหี้ย

ลูกเหี้ยถูก  จับติดคุก ซุกอกเหี้ย
หวังพ่อเคลียร์ ช่วยลูกลบ กลบเรื่องเสีย
“ไม่มีเจต นาฆ่า”  พากันเคลียร์
วงการเหี้ย จึงออกเชียร์ เคลียร์เหี้ยเอง

จึงตั้งโต๊ะ  แถลงข่าว เรื่องราวเหี้ย
เหมือนช่วยเชียร์  คดีล่ม หวังข่มเหง
มองคราใด เห็นแล้วขำ ทำนักเลง
ทำอวดเบ่ง  เขาแช่งด่า  “ไอ้หน้าเหี้ย”


....TOP GUN....

(ปล. เหี้ย เหี้ย เรียกซ้ำ เพราะต้องเติม เอส ด้วย เพราะเป็นพหูพจน์
เนื่องจากเป็นเหี้ย รวมกันได้ 6 ตัว ครับ)


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: