-/> 'เ พี ย ง คำ บ า ง คำ ' ....ก็ ช้ำไ ป ทั้ ง ชี วิ ต

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: 'เ พี ย ง คำ บ า ง คำ ' ....ก็ ช้ำไ ป ทั้ ง ชี วิ ต  (อ่าน 4808 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,133
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 07 สิงหาคม 2557, 08:09:50 AM »

Permalink: 'เ พี ย ง คำ บ า ง คำ ' ....ก็ ช้ำไ ป ทั้ ง ชี วิ ต


เพียงหนึ่งคำ ก็ช้ำไปทั้งชีวิต

การพูดของคนเราแต่ละครั้ง สามารถกำหนดวิถีแห่งความคิดและการกระทำได้
มหาอาตมะคานธี มหาบุรุษแห่งอินเดีนกล่าวไว้ว่า

' คนเรามีตาสองตา มีหูสองหู แต่มีลิ้นเพียงลิ้นเดียว
เพราะฉะนั้น ขอให้เราใช้ลิ้นพูดเพียงครึ่งหนึ่งของการใช้ตาดูและหูฟัง '


มีเรื่องเล่าให้ฟัง...
มีชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์
ไปเป็นทหารเพื่อไปรบในสงคราม
ทั้งสองต่างอาลัยต่อกัน และพร่ำพรรณาในความรักว่าจะรักกันตราบชั่วชีวิต
 จะซื่อสัตย์ต่อกัน ด้วยความรักอย่างสุดซึ้งใจมิมีวันเปลี่ยนแปลง
ชายหนุ่มถูกส่งไปร่วมรบในสงครามเป็นเวลา 2 ปี
จึงถูกส่งตัวกลับ หลังกลับจากสนามรบ
ฝ่ายชายก็ส่งข่าวแจ้งการกลับบ้านให้ภรรยาทราบ 
ฝ่ายหญิงสาวเมื่อทราบข่าวการกลับมาของสามีก็ให้ดีใจยิ่งนัก
พอถึงวันรับขวัญสามี เธอได้จูงมือเด็ดน้อยผู้เป็นลูกชายไปรับด้วย
 พอเห็นหน้า ทั้งสองต่างกอดรัดแสดงความรักต่อกันและกัน
 จนลืมไปว่ายังมีเด็กน้อยพลางยื่นมือไป หมายจะกอดให้สมกับความคิดถึง
.
แต่แทนที่หนูน้อยจะเดินเข้าไปในอ้อมกอด กลับแสดงอาการตกใจแทน เพราะตั้งแต่เกิดมา
ยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อที่ป็นทหารเลย แต่ผู้เป็นพ่อก็มิได้ว่าอะไรเด็กน้อยตกไปกว่านั้น

ในขณะที่เดินทางกลับบ้าน ภรรยาขอตัวเข้าไปตลาดเพื่อซื้อข้าวของไปทำอาหารรับขวัญสามีที่จากไปนาน
ชายหนุ่มจึงมีโอกาสที่อยู่กับลูกชาย เขาขออุ้มเจ้าตัวน้อยให้หายคิดถึง แต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมให้อุ้ม
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยได้พูดคำที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีอะไรเกิดขึ้นในครอบครัวเขา

' น้าไม่ใช่พ่อหนู พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน พอแม่นั่ง พ่อก็จะนั่งด้วย พอแม่ยืนพ่อก็จะยืนด้วย
พ่อจะมาหาแม่ทุกคืนเลย น้าไม่ใช่พ่อของหนู"

เพียงคำไม่กี่คำของเด็กน้อยที่ชายหนุ่มรับฟัง หัวใจของเขาแหลกสลายไปในพริบตา.
ความคิดต่างๆเกี่ยวกับภรรยาและเด็กน้อยถาโถมเข้ามาใน สำนึกของเขา จนทำให้เขาคิดว่า
สิ่งที่คิดอยู่นั้นเป็นความจริง
ส่วนภรรยาหลังจากกลับมาจากซื้อของในตลาด เธอรู้สึกว่าบางอย่างเปลี่ยนไป
เพราะสามีไม่เพียงแสดงอาการรังเกียจเธอ แต่ยังมองมาที่เธอด้วยความรู้สึกห่างเหิน
 และเหยียดหยามจนรู้สึกได้แต่เธอก็เก็บความรู้สึกนั้นไว้อยู่ลึกๆ
พอกลับถึงบ้าน เธอบรรจงทำอาหารเพื่อรับขวัญสามีสุดฝีมือ
แต่ฝ่ายสามีกลับไม่แยแสในไมตรีจิตรที่เธอมอบให้
อาหารเลิศรสในวันนั้นจึงเป็นอาหารที่จืดสนิทในความรู ้สึกของคนทั้งสอง
ตกค่ำ ทั้งสองและลูกน้อยก็เข้านอน ในขณะที่ภรรยามีคำถามในใจว่า
 'เกิดอะไรขึ้นในขณะที่เธอไปตลาด'
สามีก็คิดว่า 'เธอยังเป็นผู้หญิงที่เขารักและบูชาอย่างหมดใจคนเดิมหรือเปล่า'
ต่างคนต่างตั้งคำถามต่อกันและกันในความมืดของค่ำคืน
 แต่เป็นคำถามที่เต็มไปด้วยความวังเวง สับสน
ไร้ซึ่งการตอบรับของทั้งสองฝ่าย แต่สิ่งหนึ่งทีสัมผัสได้ก็คือ
ความรู้สึกของฝ่ายชายที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
สามีแสดงอาการเย็นชาตั้งแต่วันแรกที่พบเจอจนถึงวันที่สาม
ไม่มีการเจรจาถามไถ่ ไม่มีการโอบกอด
เช่นวันแรกที่เจอกัน ไม่มีการร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
 ไม่มีแม้กระทั่งการปรายตามองกันตามประสาสามีและภรรยา
เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ เธอมีความรู้สึกอึดอัดเกินกว่าจะทนได้
ความอดกลั้นของเธอสิ้นสุดลง
หญิงสาวรู้สึกว่าเธอมีความผิดเสียเต็มประดา จึงตัดสินใจจบชีวิตลงที่แม่น้ำสายหนึ่ง...
ทิ้งปมปัญหาที่ไม่มีใครตอบได้ไว้เบื้องหลังอย่างไม่ใยดี
ข่าวการกระโดดน้ำตายของภรรยาดังมาถึงหูสามีของเธอ ชายหนุ่มต้องน้ำตานองหน้า
เพราะความอาลัยรักในภรรยา เขารับศพภรรยากลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเภณีอย่างเงียบๆ
ที่บ้านของตังเอง มีเพียงลูกชายเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขา
และคืนนั้นเองความลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย
ตะเกียงน้ำมันก๊าซที่จุดไว้บนโลงศพส่องประกายให้เกิด เป็นเงา
ชายหนุ่รู้สึกสับสนในชีวิต
จึงลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาด้วยความคิดถึงภรรยาผู้จากไป
ขณะที่เดินไปมาอยู่นั้นเงาของเขาก็ทาบกับฝาเรือน
 ฝ่ายเจ้าหนูน้อยที่นั่งอยู่ก็พลันทำลายความเงียบด้วย เสียงแห่งความดีใจ

' นั่นไงๆ...พ่อของหนูมาแล้ว พอแม่นั่งพ่อก็จะนั่งด้วย พอแม่ยืนพ่อก็จะยืนด้วย
คนนั้นแหละพ่อของหนู '

ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อมองตามเสียงที่ลูกชายกล่าวถึง
ซึ่งก็คือเงาของเขานั่นเอง ความลับที่ติดค้างคาใจได้เปิดเผยในบัดนั้น
 'พ่อ'ที่ลูกชายกล่าวถึง ก็คือ  'เง า  ' ที่ปรากฏอยู่ข้างฝาเรือนนี่เอง ชายหนุ่มคิดต่อไปว่า.
หญิงผู้เป็นภรรยาคงรักสามีและลูกของเธอมาก กลัวลูกจะเหงาที่ไม่มีพ่ออยู่ด้วย
 จึงสมมุติเอาเงาเป็นพ่อให้เด็กรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน
ความจริงถูกเปิดเผยกระจ่างแจ้งแก่ชายหนุ่ม แต่เป็นความกระจ่างแจ้งที่เกินจะรับได้...
เขาเข้าใจภรรยาผิดมาตลอด
เพียงเพราะฟัง 'คำพูด' ของลูกชายตัวน้อย
ที่ไร้เดียงสาเกินกว่าจะถือเป็นเรื่องจริงได้ เขาเข้าใจตามความคิดของตัวเองโดยที่ไม่มีการ
ถามความกระจ่างจากเมียรักแต่อย่างได

สุดท้าย...ชายหนุ่มจึงขอเอาแม่น้ำเป็นพยานรักที่เขามีต่อภรรยาเป็นคำพิพากษาตัวเอง
.
เขากระโดดน้ำตายตามภรรยาโดยทิ้งลูกน้อยเผชิญชะตาแต่เพียงลำพังผู้เดียว
ชีวิตของคนเราก็ไม่ต่างอะไรจากเรื่องนี้ ที่บางครั้งชอบตัดสินจากสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่ได้ รับฟัง
ซึ่งบางครั้งมีนัยยะต่างๆ แฝงอยู่ในนั้นมากมาย ยิ่งถ้าขาดปัญญาในการไต่สวนด้วยแล้ว
ย่อมทำให้พลาดจากความจริงที่ควรจะเป็นอย่างน่าเสียดาย...

ฉะนั้น...เมื่อใดที่เราจะพูดหรือรับฟังแต่ละครั้ง พึงระวังไว้อยู่เสมอ
ให้รู้จักคิดก่อนจะพูดอะไรออกไป
และใคร่รับฟังด้วยใจที่มีสติก่อนจะปลงใจเชื่อ เพราะผลที่ตามมาโดยการไม่ยั้งคิดนั้น
ย่อมยากเกินกว่าที่จะรั้งกลับคืนมาให้งดงามได้ดังเดิม...






บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,133
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2564, 02:09:26 PM »

Permalink: Re: 'เ พี ย ง คำ บ า ง คำ ' ....ก็ ช้ำไ ป ทั้ ง ชี วิ ต
3398
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: