You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดสุขภาพสุขภาพ (ผู้ดูแล: ญิบสลิล ณ นคร, หมอกริชครับ...คมกริช... คมกริช)ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการ และ สัญญานและอาการผู้ติดเชื้อ
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการ และ สัญญานและอาการผู้ติดเชื้อ  (อ่าน 4445 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,134
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 13 มีนาคม 2557, 08:30:43 AM »

Permalink: ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการ และ สัญญานและอาการผู้ติดเชื้อ







ไข้หวัดใหญ่ 2009 และ  สัญญานและอาการผู้ติดเชื้อ


นื่องจากว่า เพิ่งทุเลา จากการติดเชื้อหวัดสายพันธุ์ นี้
เลยนำมาให้อ่าน เพื่อจะได้ไว้ป้องกันตัวเองและครอบครัว ค่ะ

ไข้หวัดใหญ่ 2009 สัญญาน และอาการของคนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด 2009 สายพันธ์ใหม่ ชนิด A 2009 H1N1
ที่ระบาดในประเทศเม็กซิโก
อาการไข้หวัดใหญ่ 2009 ในคนนั้นมีอาการคล้ายกันกับอาการของคนที่เป็นหวัดปกติ
และมีอาการต่อไปนี้คือ มีไข้ ท้องเสีย เจ็บคอ  ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดศรีษะ หนาว และ ไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนล้า ร่วมด้วย
 ในบางคนมีอาการท้องเสียร่วมกับอาเจียน  และในอดีตมีรายงานว่าผู้ป่วยหลายคนมีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นปอดบวม
และ ระบบหายใจล้มเหลว และเสียชีวิตในที่สุด เช่นเดียวกันกับหวัด ที่ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาจจะแย่ลงจนต้องมีสภาพการเรื้อรัง

ผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ควรได้รับการพิจารณาถึงศักยภาพในการติดเชื้อ ไข้หวัดใหญ่ 2009 ระยะเวลาความยาวนาน
ของการฟักเชื้อจนมีอาการ  และความเป็นไปได้ของอาการป่วยที่ยาวนานถึง 7 วัน เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจได้รับเชื้อเป็นเวลานาน

ถ้าเพื่อนติดหวัด…เราจะวางตัวอย่างไร

ถ้าตอนนี้เพื่อนของเราไม่สบาย เราอาจไม่แน่ใจว่า เพื่อนของเราป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือว่าเป็น ไข้หวัดใหญ่ 2009
ซึ่งเป็นโรคที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีช่วงนี้ก็ให้ห่างกันสักพัก ไม่ได้รังเกียจนะ แต่รักกันก็ต้องห่วงใยกัน
 ถ้าจำเป็นต้องเจอหรือพูดคุยกัน ก็มีคำแนะนำในการวางตัวระหว่างเรากับเพื่อนที่เป็นหวัดมาฝาก 4 วิธีง่ายๆ ด้วยกัน
ลองนำไปปฏิบัติกันดูเพื่อช่วยลดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009



สัญญานเตือนภัย ไข้หวัด 2009 ที่จะบ่งบอกถึงการต้องเข้ารับการรักษา อย่างเร่งด่วนที่ต้องสังเกตมีดังนี้
ในเด็ก หากเด็กมีอาการหายใจเร็ว หรือหายใจลำบาก  ผิวหนังเป็นจ้ำสีน้ำเงิน ดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอ ปลุกไม่ตื่น
 หรือไม่มีอาการตอบสนอง  มีอาการงอแงไม่ยอมให้อุ้ม  มีไข้เฉียบพลัน หรือมีอาหารหวัด ไออย่างรุนแรง 
หากมีอาการเหล่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ ต้องรีบเข้ารับการรักษาทันที ในผู้ใหญ่ สัญญานเตือนภัยที่จะต้องรีบรักษาเช่นกันคือ
 อาการหายใจลำบาก หรือหายใจถี่ เจ็บ แน่นหน้าอกหรือช่องท้อง วิงเวียน หน้ามืด  และอาเจียนอย่างรุนแรง
หรืออาเจียนเป็นเลือด  หากมีอาการเหล่านี้ต้องรีบรักษาอย่างเร่งด่วน



………………………………………………………………………………………………………………………………..

 มารู้จัก วัคซีน “ไข้หวัด2009″ กันเถอะ

วัคซีน ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่หลายประเทศกำลังเร่งผลิตและทดลองกันอยู่ในขณะนี้ กลายเป็นความหวังของคนทั่วโลก
ในยามที่โรคอุบัติใหม่ดังกล่าวกำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ ขณะที่นักวิจัยของไทยเองได้มีการสร้างเชื้อไวรัสสำหรับผลิตวัคซีนเองเหมือน กัน
ทั้งวัคซีนชนิด เชื้อเป็นและ เชื้อตาย แต่วัคซีนชนิดไหนดี เด่น หรือด้อย อย่างไร คงต้องลองเปรียบเทียบดูหลายๆ ปัจจัย อาทิเช่น
ผลิตจากอะไร?

วัคซีนเชื้อเป็น :
ผลิต มาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอช1 เอ็น1 ที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นชนิดที่อ่อนแรงไม่ก่อให้เกิดโรค
นำมาเลี้ยงเพิ่มจำนวนแล้วนำไปใช้เป็นวัคซีนได้เลย

วัคซีนเชื้อตาย :
เป็นการ นำเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เอช1 เอ็น1 2009 มาพัฒนาด้วยเทคนิคทางพันธุกรรม สร้างไวรัสตัวใหม่ที่ไม่ก่อโรคขึ้นมา
 นำไปเลี้ยงเพิ่มจำนวนแล้วทำให้ตาย เหลือแต่ส่วนผิวซึ่งมีลักษณะจำเพาะของไวรัสที่ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ แล้วจึงนำไปทำเป็นวัคซีนต่อไป

วิธีการใช้?
วัคซีนเชื้อเป็น : ใช้วิธีฉีดพ่นใส่โพรงจมูก
วัคซีนเชื้อตาย : ฉีดผ่านทางกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง

สามารถขับออกจากร่างกายได้หรือไม่?
วัคซีนเชื้อเป็น : เชื้อไวรัสที่อ่อนแรงนี้ออกมากับน้ำมูก น้ำลายได้
วัคซีนเชื้อตาย : ไม่มีเชื้อไวรัส

จุดเด่น?
วัคซีนเชื้อเป็น : สามารถ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว
และสามารถผลิตได้ครั้งละเป็นจำนวนมากๆ
 ภายในเวลาอันสั้น แถมยังมีต้นทุนต่ำอีกด้วย

วัคซีนเชื้อตาย : ข้อดี ของวัคซีนเชื้อตายคือปลอดภัย 100% เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย
แล้วจะไม่ก่อให้เกิดโรคหรืออาการเจ็บป่วยใดๆ สามารถให้ได้เกือบทุกคน โดยไม่มีอาการแพ้

ข้อจำกัดของวัคซีน?

วัคซีนเชื้อเป็น : ห้าม ใช้กับคนบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่แพ้ไข่ หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ
 และผู้ที่มีความบกพร่องของ ภูมิคุ้มกัน

วัคซีนเชื้อตาย : หลัง จากฉีดแล้ว ค่อนข้างต้องใช้เวลานานในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
และต้นทุนในการ ผลิตก็สูง จำนวนที่ผลิตได้ในแต่ละครั้งต้องใช้เวลามากและได้วัคซีนค่อนข้าง น้อย
และอาจสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดีเท่ากับวัคซีนเชื้อเป็น

ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดไหน ก็ขอให้คนไทยทำสำเร็จ สามารถนำมาใช้กับคนได้จริงๆ สำหรับตอนนี้ในขณะที่
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังไม่มี พวกเราก็ต้องใช้วิธีดูแลตัวเองไปก่อน พยายามป้องกันอย่าให้ป่วยเป็นโรคนี้
 ด้วยการล้างมือบ่อยๆ หากยังไม่ได้ล้างมือก็อย่านำมือมาขยี้ตา แคะจมูก หรือหยิบสิ่งของเข้าปาก ไอจามใส่กระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้า
 และร่วมรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการสวมหน้ากากอนามัยทันทีที่ไม่สบายหรือเป็น หวัด สำหรับคนปกติหากเข้าที่แออัด
ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองรับเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว หากพวกเรา “รวมพลังกันสู้หวัด”
ตามมาตรการเหล่านี้อย่างเคร่งครัด เชื่อว่า เราจะสามารถเอาชนะเจ้าไข้หวัด2009 ได้อย่างแน่นอน

ข้อมูลจากทีมงาน flu2009thailand.com


 1+1 ใน 5 = สัญญาณอันตราย

วิธีง่ายๆ ที่ใช้สังเกตอาการไข้หวัด 2009
ลดความกังวลใจ ลดความเสี่ยงในการไปโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น

ถ้ามีไข้สูง 38 องศาเซลเซียส ร่วมกับ ไอ เจ็บคอ ให้ดูว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นหนักหรือเปล่า ถ้าใช่ต้องไปหาหมอทันที

ถ้าไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (ข้อมูลกลุ่มเสี่ยงอยู่ในหมวดการรักษา) ในเบื้องต้นให้กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้

ถ้า กินยาพาราเซตามอลแล้ว อาการขั้นแรกยังมีอยู่ นั่นคือ ไข้สูง ไอ เจ็บคอ แล้วก็มีอาการเพิ่มเติมเพียงแค่ 1 ใน 5 สัญญาณอันตราย
 ก็ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน นั่นคือ

1. ปวดหัวมากแม้กินยาพาราเซตามอลก็ยังไม่ดีขึ้นนัก
2. เบื่ออาหารอย่างมาก ไม่อยากกินอะไรเลย น้ำก็ไม่อยากดื่ม
3. เหนื่อย อ่อนเพลียและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก
4. ไอแล้วเหนื่อย หรือไอแล้วเจ็บเฉพาะที่ ไอแล้วเจ็บหน้าอก
5. มีอาการท้องเสียหรืออาเจียน

เรียก ว่าถ้ามี 1 อาการหลัก(ไข้ ไอ เจ็บคอ) ร่วมกับอาการที่เป็นสัญญาณอันตราย อย่างน้อย 1 ใน 5 ดังกล่าวก็ต้องรีบไปหาหมอโดยด่วน จำไว้ว่า 1+1 ใน 5 = สัญญาณอันตราย

*แต่ถึงแม้จะไม่มีอาการร่วม 1 ใน 5 สัญญาณอันตราย แต่ถ้าพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน 2 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย
ก็จะต้องไปหาหมอเช่นกัน

 ห้ามกินยาแอสไพรินโดยเด็ดขาด
เพราะอาการของไข้หวัดใหญ่นั้นจะใกล้เคียงกับไข้เลือดออก ซึ่งถ้าเป็นไข้เลือดออกหากเรากินยาแอสไพรินเข้าไปอาจทำให้ภาวะเลือด
ออกรุนแรงขึ้นหรือเลือดออกมากขึ้น แต่ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่การกินยาแอสไพริน อาจจะทำให้เกิดอาการ สมองบวม ปวดหัว
จนถึงไม่รู้สึกตัวและในบางรายอาจถึงขั้นตับวายได้

กินยาปฏิชีวนะ ไม่ช่วยอะไร
เพราะไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส  จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ เพราะยาปฏิชีวนะมีไว้สำหรับจัดการเจ้าเชื้อแบคทีเรีย
 ยกเว้นว่าพบเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน จึงค่อยรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง




บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,134
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 พฤศจิกายน 2564, 09:56:31 AM »

Permalink: Re: ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการ และ สัญญานและอาการผู้ติดเชื้อ
2924
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: