-/> หมอก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ "ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ใจเราเอง"

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดความบันเทิงเรื่องเล่าดีดี (ผู้ดูแล: หนุ่มภูธร ณ ลุ่มน้ำป่าสัก)หมอก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ "ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ใจเราเอง"
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: หมอก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ "ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ใจเราเอง"  (อ่าน 3764 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,133
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 06 มีนาคม 2557, 05:55:40 AM »

Permalink: หมอก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ "ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ใจเราเอง"







หมอก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ
"ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ใจเราเอง"


ปัญหาแต่ละคนยากง่ายแตกต่างกัน
สำหรับหมอก้อง ปัญหาจะยากหรือง่ายขึ้นอยู่กับการ“มอง” ของเราเอง

คำว่า “ปัญหา” อาจเหมือนคำสาปที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอ เจอทีไรเป็นต้องเครียด บางครั้งก็สับสนจนเหมือนชีวิตไร้ทิศทาง
แต่ปัญหาไม่เคยจำกัดคำตอบ หมอก้อง หรือ ร้อยโท นายแพทย์สรวิชญ์ สุบุญ บอกเล่าถึงมุมมองและวิธีแก้ปัญหาของเขาให้เราฟัง
พร้อมทั้งเรื่องราวชีวิตด้านต่างๆ ค่ะ

   สำหรับผมปัญหาเหมือนเขาวงกต ถ้าเราไม่ก้าวไปข้างหน้า ไม่พยายามมองหาหนทาง ก็คงไม่มีวันได้เจอทางออก
 มีแต่จะจมอยู่อย่างนั้น หลายคนอาจบอกว่า ปัญหาแต่ละคนยากง่ายแตกต่างกัน แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายๆ ครั้ง
ทำให้รู้ว่าปัญหาจะยากหรือง่ายขึ้นอยู่กับการ “มอง” ของเราเอง ใจเราเห็นเป็นอย่างไรก็แก้ไปตามนั้นเพราะปัญหาไม่เคยจำกัดคำตอบอยู่แล้ว
 สำคัญตรงที่ “คุณจะหาคำตอบให้ปัญหาได้หรือไม่”

   “เส้นทางสายหมอ” ที่ไม่เคยคิดฝัน

   ชีวิตนี้ผมไม่เคยฝันอยากเป็น “หมอ” มาก่อนเลย อยากสอบเข้าครุศาสตร์หรือนิเทศศาสตร์มากกว่า
แต่เป็นเพราะพ่อแม่อยากให้ผมเป็นหมอ เลยต้องตามใจท่าน...แล้วก็โชคดีว่าสอบติด

   ถึงจะไม่ได้เรียนอย่างที่ฝัน แต่การได้เป็นนักเรียนแพทย์ทหาร (วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า) กลับทำให้ผมภูมิใจที่สุด
 ผมหันมาตั้งใจเรียนรู้วิชาชีพนี้อย่างเต็มที่ จนเริ่มรู้สึกว่า “ยิ่งเรียนก็ยิ่งสนุก” ยิ่งได้ออกตรวจคนไข้ตอนชั้นปีสุดท้าย
 ผมก็ยิ่งมั่นใจว่า “ผมตัดสินใจไม่ผิดเลย” ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ผมก็ไม่เปลี่ยนใจจากอาชีพที่มีแต่ให้อย่าง “หมอ” แน่นอนครับ

   กายวิภาคฉบับพุทธ จุดเริ่มต้นความไม่มีตัวตน
   สมัยเป็นนักเรียนแพทย์ทหาร ผมมีโอกาสบวชเรียนภาคฤดูร้อนพร้อมเพื่อนๆ เป็นเวลา 15 วัน
ในวิชากายวิภาคศาสตร์ (Anatomy) ฉบับพุทธศาสนา ช่วงเวลานั้นผมรู้สึกว่า

พุทธศาสนาไม่ใช่แค่การทำบุญตักบาตรอย่างที่เข้าใจแต่แรกเลย มีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ยิ่งไปกว่านั้น
บางอย่างก็เป็นความอัศจรรย์ใจที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้”


วันหนึ่งขณะที่ผมนั่งสมาธิ จิตกำลังสบาย ปลอดโปร่งสุดๆ จู่ๆ ก็มีความรู้สึกว่า “แขนนี้ไม่ใช่ของเรา” ขึ้นมา ผมเพ่งจิตลงไปที่แขนทันที
 ทำเหมือนว่ากำลังเรียนวิชาอนาโตมีหรือกายวิภาคศาสตร์โดยศึกษาจากตัวของเราเอง
จิตค่อยๆ พาผมเดินทางจากผิวหนังเลาะลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อ ชั้นไขมัน และกระดูก ซึ่งจะถือเป็นชั้นสุดท้ายของร่างกายตามหลักวิชา
 แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ เพราะจิตยังพาผมเลาะลึกต่อลงไปอีกจนถึงขั้นเถ้าธุลี

   ณ ตอนนั้นผมเข้าใจความหมายของคำว่า “พุทธ” ที่แปลว่าผู้รู้ ผู้ตื่น และผู้เบิกบานทันทีว่าเป็นอย่างไร (ถึงจะแค่เผินๆ ก็ตาม)
และรู้ว่า

“โลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน ไม่มีอะไรที่เป็นของเราตลอดไป แม้แต่ร่างกายก็เป็นแค่สิ่งสมมุติที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปตามกาลเวลา”

   แม้ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขขึ้นอีกเยอะ เมื่อรู้จักคลายความเป็นตัวตน
ลดอัตตาของตัวเองลงได้ และรู้จักปล่อยวาง




ภารกิจของนักรบสีน้ำเงิน
   ปัจจุบันผมเป็นแพทย์ประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ทุ่งสีกัน นอกจากภารกิจหลักในหน่วยแล้ว
ภารกิจรองของแพทย์ทุกนายคือ การออกตรวจในฐานะหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกลความเจริญ
พื้นที่ประสบสาธารณภัยต่างๆ ทั่วประเทศ

แรกๆ ผมคิดว่า “ภารกิจรองนี้คือการออกตรวจตามหน้าที่ก็แค่นั้น”
แต่พอได้ทำจริงๆ เพียงครั้งแรกผมก็รู้แล้วว่า “ภารกิจรองนี้ทำให้ผมได้อะไรกลับมามากกว่าแค่การทำตามหน้าที่
 
หนึ่ง ผมมาที่นี่เพื่อหยิบยื่นโอกาส ช่วยให้คนทุกข์น้อยลงและ สอง ผมมาเพื่อรับรู้ว่า บางแง่มุมที่เคยคิดว่าตัวเองไร้ค่า
เกิดมาทำไมนั้น จริงๆ แล้วชีวิตผมยังมีค่ากับคนอื่นๆ อีกหลายคน เพราะชีวิตที่มีค่าคือการใช้ชีวิตเพื่อผู้อื่น รู้จักให้ และรู้จักเสียสละ”


   ถึงพื้นที่จะทุรกันดารแค่ไหน ถึงจะต้องตรวจคนไข้หลายสิบคนต่อวัน แต่พอผมได้เห็นรอยยิ้ม ได้เห็นแววตา
ได้ฟังคำขอบคุณอย่างจริงใจจากคุณลุงคุณป้า คุณตาคุณยาย แม้แต่เด็กๆ ที่มารับการตรวจในวันนั้น
 แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ผมมีกำลังใจทำงาน ชนิดเหนื่อยก็ต้องไหว หิวก็ต้องไหว
เพราะอาการเจ็บป่วยไม่ควรมีคำว่า “รอ” ทุกคนต้องการ “โอกาส” แต่ถ้าไม่มีคนช่วยหยิบยื่นให้ แล้วเมื่อไรโลกจะน่าอยู่

   ทำเพื่อ “ความดี”
   ผมขอยกคำสอนของพระอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเคยถามผมว่า หมอคิดว่าตัวเองทำความดีเพื่ออะไร ผมตอบท่านไปว่า ลึก ๆ
แล้วผมหวังได้รับความดีตอบแทนครับ พระอาจารย์ยิ้มและสอนว่า

"หมอลองคิดอย่างนี้ดูสิ เราทำความดีเพื่อให้รู้ว่าโลกยังมีความดีหลงเหลืออยู่ แค่นี้พอไหม”...

ผมฟังแล้วอึ้งเลย รู้สึกซาบซึ้งมาก และยึดคำสอนนี้เป็นคติประจำใจเพื่อสอนตัวเองทุกวัน เวลานี้ผมพยายามทำหลาย ๆ
 อย่างทั้งเป็นหมอทหาร นักแสดง และวิทยากรซึ่งทุกงานที่ทำ ผมตั้งใจให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมสูงสุด เพราะผมรู้แล้วว่า ชาตินี้ผมควรทำดีเพื่ออะไร

   จากคำว่า “ปัญหา” จนมาจบที่มุมมองของชีวิตและวิธีคิดของหมอก้อง – สรวิชญ์ สุบุญ ไม่เพียงแค่ปัญหาที่แต่ละคนเจอจะยากง่ายต่างกัน
 แต่การดำเนินชีวิตของแต่ละคนก็มีความยากง่ายดีงามต่างกันอยู่ในที แต่การมีชีวิตที่ดีน่าจะหมายถึง การได้มีโอกาสทำความดีใช่ไหมค่ะ
 

 KBeautifullife






บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,133
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 21 กันยายน 2564, 02:25:22 PM »

Permalink: Re: หมอก้อง - สรวิชญ์ สุบุญ "ปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ อยู่ที่ใจเราเอง"
2526
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: