หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคกระเพาะอาหาร  (อ่าน 17365 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,127
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 23 มกราคม 2557, 09:31:26 AM »

Permalink: โรคกระเพาะอาหาร



โรคกระเพาะอาหาร

สาเหตุของการเกิดโรค
ผู้ร้ายตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะคือ
 “เชื้อโรค” ที่ชื่อว่า เอช.ไพโลไร (Helicobacter pylori)*
ซึ่งเป็นแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร มันจะอยู่ภายในกระเพาะอาหารของผู้ติดเชื้อไปตลอดชีวิต
 โดยจะอยู่บริเวณด้านล่างของกระเพาะอาหาร เชื้อนี้จะไปกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในกระเพาะอาหาร
ทำให้กรดถูกขับออกมามากขึ้น จนเกิดการอักเสบที่เยื่อบุกระเพาะ
นำไปสู่การเกิดแผลเลือดออกในกระเพาะอาหาร และลำไส้ส่วนบนนั่นเอง

หมายเหตุ : *แบร์รี เจ มาร์แชลล์ แพทย์ด้านทางเดินอาหาร และเจ โรบิน วาร์เรน แพทย์ด้านพยาธิวิทยา
 ได้ค้นพบเชื้อแบคทีเรีย “เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร” (Helicobacter pylori) และได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์

การป้องกันการเกิดโรคกระเพาะ
อันดับแรกเลยคือ ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลา ไม่ได้หมายความว่าต้องกินให้ครบ 3 มื้อ ถ้าปกติกินแค่ 2 มื้อ
 ก็ขอให้ตรงเวลาทั้งสองมื้อนั้น เช่น รับประทานอาหารตอนเช้า 9.00 น. กลางวัน 12.30 น. และตอนเย็น 16.00 น.
ก็ควรที่จะตามนี้ทุกวัน หากหิวก่อนเวลา ให้ดื่มน้ำ หรือน้ำข้าวแทน ให้คิดว่ากระเพาะเหมือนแฟนคนหนึ่ง
 ถ้ามากินข้าวไม่ตรงเวลาก็อาจมีหงุดหงิดแสบร้อนได้จนถึงเป็นแผล!

อย่านอนดึก พอเรายิ่งดึกเราก็จะยิ่งหิว เพราะกรดถูกหลั่งออกมาในท้องมากเกินไป เราเลยหิว ถ้าหิวเมื่อไรก็ให้เข้านอนไปเลย
 อย่ากิน ดีออก! เป็นวิธีควบคุมน้ำหนักไปในตัวด้วย

เลี่ยงอาหาร “มัน” ที่ดูอร่อยลิ้น เพราะความมันจะอยู่ในกระเพาะได้นาน ทำให้น้ำย่อยมีโอกาสหลั่งออกมาท่วมท้นมากกว่าปกติ
อาการปวดท้องก็จะตามมาติด ๆ รวมทั้งอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด และสิ่งที่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร
เช่น น้ำอดลม ยาแก้ปวดแอสไพริน ยาแก้ปวดข้อ เป็นต้น

ที่สำคัญควรงดเหล้าและบุหรี่ เพราะมันมีส่วนกระตุ้นการหลั่งของกรดในท้องเช่นกัน ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น วิ่งเหยาะ ๆ เดินเร็ว ขี่จักรยาน หรือว่ายน้ำ
เพื่อขจัดความเครียดที่ซึมซาบอยู่ทุกอณูของร่างกาย การล้างความเครียดเห็นท่าจะง่ายกว่าการไม่เครียดเยอะ!


โรคกระเพาะถามหาแล้ว จะรักษาอย่างไร… ไม่อยากกินยา
ใคร ๆ ก็คงไม่อยากไปหาหมอ หรือกินยาเป็นกำ การรักษาโรคกระเพาะก็ต้องเริ่มจากการกิน คือ ให้กินกล้วยแบบสุกแข็ง
 เช่น กล้วยหักมุก หรือกินกะหล่ำปลีปรุงสุกบ่อย ๆ เพราะกะหล่ำปลีมีสารที่ช่วยสมานแผลในกระเพาะ
(ผลจากงานวิจัย Thaly H. A new therapy of peptic ulcer: The anti-ulcer factor of cabbage. Gaz Med Fr 1965; 72:1992-3)
อย่ากินวิตามินที่เป็นกรดมากเกินไป อย่าง “วิตามินซี” เพราะอาจไประคายเยื่อกระเพาะอ่อน ๆ ได้
 โดยเฉพาะเมื่อกินตอนก่อนนอน

กดจุดปรับการทำงานของกระเพาะและม้าม**
ใช้นิ้วหัวแม่มือกดลงไปที่จุดบริเวณใต้ขอบล่างของสะบ้าลงมา 4 นิ้วมือ และห่างจากสันหน้าแข้งมาทางด้านนอก 1 นิ้วมือ
กดนวดจุดหนัก ๆ ด้วยหัวแม่มือ นาน 2 นาที นวดทั้ง 2 ขา ว่ากันว่า จุดนี้จะปรับการทำงานของกระเพาะอาหารและม้ามได้

ใช่ว่าคนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหารจะติดเชื้อ H.pylori กันทุกคน แต่จากสถิติผู้ติดเชื้อ 60-70% ของประชากรทั้งประเทศไทย
มีผู้ติดเชื้อนี้ประมาณ 80-90% และกว่า 90% สามารถหายจากโรคนี้ได้อย่างถาวร แต่ถ้าแผลดังกล่าวไม่หาย และเชื้อนี้ยังไม่หายไป
 ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารได้

อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนใส่ใจดูแลสุขภาพ ระวังอย่าให้เกิดแผลในกระเพาะ หากเกิดแล้วต้องรีบรักษาให้หายโดยเร็ว
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยการกินแบบธรรมชาติ หรือการกินยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะอาหาร แต่หากปล่อยไว้เรื้อรัง
มะเร็งวายร้ายตัวการใหญ่สุด อาจจะมาคุกคามคุณได้นะคะ

 health.kapook.com


บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,127
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 มกราคม 2557, 10:18:10 AM »

Permalink: Re: โรคกระเพาะอาหาร
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,127
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 15 มิถุนายน 2566, 04:08:32 PM »

Permalink: Re: โรคกระเพาะอาหาร
11656
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: