กำเนิด วาสลีน (Petrolium jelly) ใครหลายคนอาจจะเคยใช้ "วาสลีน"
 ผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้บำรุงผิวพรรณเพื่อความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะนำมาใช้ทาริมฝาปาก
 เพื่อป้องกันปากแห้งแตก หรือใช้ทาบริเวณผิวพรรณแตกลายอย่างข้อศอกหรือส้นเท้า 
นอกจากประโยชน์โดยตรงเหล่านี้แล้ว ความชุ่มชื้นของวาสลีนยังสามารถนำมาใช้เคลือบประเป๋า
หรือเครื่องหนังรวมทั้งใช้ป้องกันการเกิดสนิมและลดเสียงดังจากการเปิดปิดประตูหน้าต่างได้อีกด้วย 
วาสลีนมีประโยชน์มากมายจิปาถะเช่นนี้ เราทราบกันหรือไม่คะว่า "วาสลีน" แท้จริงแล้ว
 มันมีที่มามาจากอะไรและมีประวัติความเป็นมาอย่างไร? 
     วาสลีนถูกจดสิทธิบัตรเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ปี ค.ศ 1872 โดยวาสลีนเป็นชื่อทางการค้า
ของปิโตรเลียมเจลลี (petrolium jelly) ที่ถูกคิดค้นโดยนายโรเบิร์ต เอ. เชสโบรว์ 
(Robert A. Chesebrough) นักเคมีชาวอเมริกัน ในปี ค.ศ.1859 ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้น
ของการผลิตอุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐอเมริกา มีข่าวการค้นพบบ่อน้ำมันดิบขนาดใหญ่
ในรัฐเพนซิลเวเนียเซสโบรว์จึงได้เดินทางไปสำรวจยังบ่อน้ำมันแห่งนั้นโดยมุ่งหวัง
เพื่อเข้าสู่ธุรกิจการค้าน้ำมันปิโตรเลียมที่สมัยนั้นกำลังเป็นที่นิยมและเฟื่องฟูมากในสหรัฐอเมริกา
 การสำรวจการขุดเจาะน้ำมันในครั้งนั้นจุดประกายความคิดให้กับเซสโบรว์เป็นอย่างมาก
 เมื่อเขาได้สังเกตเห็นว่ามีสารชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะเหนียวข้นคล้ายกับพาราฟินติดอยู่ที่
สว่านขุดเจาะ สารนี้นับเป็นตัวปัญหาต่อการขุดเจาะน้ำมันเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนงาน
ต้องพักงานบ่อยครั้งเพื่อทำความสะอาดสารเหนียวข้นที่มักติดเครื่องมือขุดเจาะอยู่เป็นประจำ
 ซึ่งสารนี้ถูกเรียกกันในขณะนั้นว่า “ร็อด แวกซ์” (rod wax) ไม่เพียงแค่นั้น 
เซสโบรว์ยังสังเกตเห็นว่าพวกคนงานมักจะนำร็อด แวกซ์ มาป้ายที่ผิวหนังของตนเอง
เนื่องจากเชื่อว่า สารนี้จะช่วยบรรเทาบาดแผลและผิวหนังที่ไหม้ของพวกเขาได้ 
ด้วยความสงสัยเซสโบรว์จึงได้เก็บตัวอย่างร็อด แวกซ์ ใส่กระปุกและนำไปศึกษาทดลอง
ทางวิทยาศาสตร์ หลายเดือนที่เซสโบรว์พยายามสกัดหาองค์ประกอบของสารตัวนี้ 
จนในที่สุดก็ได้สารใสเนียน ไม่มีสีและไม่มีกลิ่น ซึ่งเซสโบรว์ได้เรียกมันว่า
 วุ้นปิโตรเลียม (petroleum jelly) วุ้นปิโตรเลียม หรือ ปิโตรเลียมเจล 
สารที่มีลักษณะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ได้มาจากกระบวนการกลั่นน้ำมันดิบ 
โดยใช้ความร้อนแปรสภาพน้ำมันให้กลายเป็นไอ ไอจะลอยขึ้นสู่ชั้นบนของหอกลั่น
แล้วกลั่นตัวเป็นน้ำมันต่าง ๆ ณ จุดเดือดที่อุณภูมิ 150 – 275 องศาเซลเซียสที่ไอ
กลั่นตัวเป็นน้ำมันเบนซินและเกิดสารเหลืองค้างเกาะอยู่ชั้นบนของหอกลั่นเรียกว่า
 พาราฟิน ซึ่งส่วนนี้เองที่นำมาทำเป็นปิโตรเลียมเจล เซสโบรว์ได้ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์
ปิโตรเลียมเจลของเขา ในชื่อใหม่ว่า Vaseline® มาจากภาษาเยอรมัน 
คำว่า Wasser แปลว่า น้ำ และภาษากรีก έλαιον (Elaion) แปลว่า น้ำมัน
    เซสโบรว์ได้เผยแพร่ผลิตภัณฑ์นี้ด้วยการนำวาสลีนใส่กระปุกไปแจกจ่ายให้ประชาชนในรัฐนิวยอร์ก 
เพื่อทดลองให้ใช้ทาแผล แต่กลุ่มแม่บ้านที่ได้รับวาสลีน ได้นำวาสลีนไปใช้ประโยชน์ลดรอยคราบ
เปื้อนบนเสื้อผ้าและคราบด่างบนเครื่องไม้ ทำให้วาสลีนกลายเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งที่นิยมในหมู่ครัวเรือน
 และปัจจุบันได้กระจายขยายไปยังทั่วโลกและทุกเชื้อชาติ ไม่เว้นแม้แต่นายพล โรเบิร์ต แพร์รี่
 (Commander Robert Peary) ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางไปยังขั้วโลกเหนือได้สำเร็จเป็นคนแรก
 ยังได้นำกระปุกวาสลีนติดตัวไปด้วยเพื่อช่วยป้องกันผิว เนื่องจากคุณสมบัติของวาสลีน
ที่ไม่แข็งตัวแม้ในอุณหภูมิที่เย็นจัดนั่นเอง ด้วยคุณสมบัติปิโตรเลียมเจลที่สามารถรักษา
ความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันจึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางหลายชนิด
 นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีก เช่น ใช้ป้องกันบาดแผลหรือรอยถลอกเล็กน้อย
 หรือเป็นส่วนผสมของยาหม่อง ใช้เคลือบเสื้อผ้า และนำมาทำเทียนไขได้อีกด้วย
ที่มา  http://www.vcharkarn.com