หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เหรียง  (อ่าน 1535 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 94
กระทู้: 10
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« เมื่อ: 30 สิงหาคม 2556, 06:37:21 PM »

Permalink: เหรียง



เหรียง

ชื่อวิทยาศาสตร์ :Parkia timoriana Merr.
ชื่อวงศ์ :MIMOSACEAE

ชื่อ อื่น ได้แก่ กะเหรี่ยง, เรียง, สะเหรี่ยง (ใต้); นะกิง, นะริง (มาเลย์-ใต้) (เต็ม สมิตินันทน์, 2523); สะตือ (ใต้) (กัญจนา ดีวิเศษ,2542)

                           เหรียง เป็นพืชสกุลเดียวกับสะตอ  เหรียงเป็นไม้ต้น  ต้น  เปลา  ตรง  เกลี้ยง   เนื้อไม้สีน้ำตาลอมเหลือง  ไม่มีแก่น  อ่อนและเปราะ มีเสี้ยนตรงกลางอย่างสม่ำเสมอ  เนื้อไม้ผ่าได้ง่าย จึงเหมาะที่จะทำเป็นไม้บางๆ  ใบประกอบแบบขนนก 2 ชั้น  ใบเรียงสลับ  ใบย่อยจำนวนมาก รูปขอบขนาน  ดอกช่อ  ออกเป็นช่อกลม   ก้านช่อยาว  ผล  เป็นฝัก  แคบ แบน ออกดอกเดือนพฤศจิกายน - เดือนธันวาคม  ติดฝักเดือนมกราคม -  กุมภาพันธ์  การขยายพันธุ์  เพาะเมล็ด ประโยชน์  เนื้อไม้ใช้ทำลังใส่ของ   ก่อสร้างภายใน   เมล็ด เพาะให้งอก นำไปดอง รับประทานเป็นผัก  เปลือกและเมล็ด ขับลมในลำไส้   ถิ่นกำเนิด  อินเดีย  และปาปัวนิวกินี    เป็นพืชเขตร้อน ชอบที่มีน้ำฝนและมีความชุ่มชื้นในอากาศสูง

                            ไม้ ยืนต้นขนาดใหญ่ สูงประมาณ 30-50 เมตร ไม่ค่อยมีกิ่งก้านที่ลำต้น เปลือกเรียบและหนาสีเทาปนเขียวอ่อน มีกลิ่นฉุน ลักษณะทั่วไปคล้ายสะตอ แต่พุ่มใบแน่น และเขียวทึบกว่า ใบใหญ่และหนากว่าสะตอ ลักษณะใบเป็นแบบช่อ ใบประกอบมี 18-33 คู่ ใบแคบปลายแหลม ใบแก่จะเป็นสีเหลืองร่วงเกือบหมดต้น และผลิใบใหม่แทน ลักษณะดอกเป็นดอกช่อแบบสะตอ ออกที่ปลายยอด เป็นก้านยาวสีเขียวสลับน้ำตาล ลักษณะผลเป็นฝัก กว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตร ยางประมาณ 20-30 เซนติเมตร เมล็ดรูปไข่ ประมาณ 15-20 เมล็ดต่อฝัก ฝักแก่เต็มที่มีสีดำ เมล็ดในสีดำ เนื้อในเมล็ดมีสีเขียวเข้ม และมีกลิ่นฉุน

   เปลือกต้นเป็นยาสมานแผล ลดน้ำเหลือง เมล็ดเมื่อแก่ตัดส่วนปลายนำไปเพาะให้แตกรากสั้นๆ รับประทานสดหรือดอง

ที่มา.....www.scitour.most.go.th
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: