หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้น บั้งไฟเลือด  (อ่าน 1561 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 2654
เหรียญรางวัล:
มีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 139
ออฟไลน์ ออฟไลน์
อีเมล์
   
« เมื่อ: 29 มิถุนายน 2563, 12:47:41 PM »

Permalink: เรื่องสั้น บั้งไฟเลือด
บั้งไฟเลือด

โดย...แคน  ลำโขง

        ย่างเข้าเดือนหก...ความร้อนยังไม่ลดราวาศอก  กลับยิ่งทวีดีกรีความร้อนเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ…ร้อนจนควายตับแตกตาย! ตามที่เป็นข่าวในที.วี.แสงแดดอันแผดกล้า  ลามเลียต้นไม้ใบหญ้าเกรียมกรอบ  หนองน้ำท้ายหมู่บ้านแห้งขอด ไม่เหลือแม้น้ำสักหยด กุ้งและปลาตัวเล็ก นอนตายซากเกลื่อนกลาด เป็นอาหารอันโอชะของมดและฝูงนก
       “ทำไมมันแล้งและร้อนยังงี้โว้ย !”ทิดเคนกะโกนร้องลั่นทุ่ง ฝูงวัวของแกที่ต้อนไปเลี้ยงกลางทุ่งนา ยืนหอบแดดน้ำลายฟูมปากหายใจฟืดฟาดๆ ไม่มีน้ำและหญ้าให้ลิ้มเลีย
       “ปีนี้บ้านเราไม่มีบุญบั้งไฟหรือพ่อ?”   แคน ลูกชายวัย 9 ขวบของทิดเคนถามขึ้น
       “เอ็งไม่ได้ยินผู้ใหญ่บ้านประกาศทางหอกระจายข่าวหรือวะ”   แทนที่ผู้เป็นพ่อจะตอบ กลับหันมาถามลูกชายอย่างอารมณ์เสีย
       “ไม่ได้ยินครับพ่อ”  ลูกชายตอบตามประสาซื่อ
       “เอ็งไปมุดหัวอยู่ไหนวะ ถึงไม่ได้ยิน?”
       “ก็วันที่ผู้ใหญ่บ้านประกาศ ฉันไปในเมืองกับแม่ไง”   ลูกชายตอบฉะฉาน
       “เออจริงสิ  ข้าลืมไป”  เสียงพ่อเริ่มอ่อยลง ก่อนจะอัดควันบุหรี่ใบตองเข้าเต็มปอด
       “ตกลง ปีนี้บ้านเรามีบุญบั้งไฟไหมล่ะ?”  ลูกชายยังไม่หายอยากรู้
       “มี!”   ผู้เป็นพ่อตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  เบิ่งตาแลท้องทุ่งอันเวิ้งว้าง  ที่ระยิบระยับไปด้วยแม่แดดที่เต้นระบำอยู่เต็มทุ่ง
.
       บุญบั้งไฟ  เป็นประเพณีอันดีงาม ที่มีมายาวนานของชาวอีสาน มีตำนานเล่าขานที่ฟังแล้วสนุกสนาน ตื่นเต้น และอัศจรรย์! เมื่อย่างเข้าเดือนหก หลายท้องถิ่นในภาคอีสาน  ก็จะจัดงานบุญบั้งไฟขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร อย่างเช่นจังหวัดยโสธร ถือเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่  ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวงานกันมืดฟ้ามัวดิน ทั้งไทยและเทศ ทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นคึกคัก เงินแพร่สะพัดไปทุกหย่อมหญ้า  
      จุดมุ่งหมายของการจัดงานบุญบั้งไฟที่แท้จริงก็คือ เป็นการขอฝนกับพระยาแถน (เทวดา) ซึ่งมีนิทานปรัมปราเล่าว่า พระยาคางคก ได้ยกทัพขึ้นไปทำสงครามกับเทวดาบนสวรรค์  เทวดาแพ้สงคราม จึงสัญญากับพระยาคางคกว่าเมื่อถึงเดือนหกจะทำให้ฝนตก เพื่อให้ชาวโลกได้ทำไร่ทำนา  ถ้าฝนไม่ตกแสดงว่าตนเองลืม
ให้ชาวโลกจุดบั้งไฟขึ้นไปกระทุ้งตูดเทวดา เพื่อจะได้เนรมิตให้ฝนตกลงมายังโลกมนุษย์  จากความเชื่อดังกล่าวเมื่อถึงเดือนหก ชาวโลกแถบภาคอีสาน ก็จะจัดงานบุญบั้งไฟ และจุดขึ้นท้องฟ้า เพื่อบอกพระยาแถน (เทวดา)ให้เนรมิตฝนตกลงมายังโลกมนุษย์
 
      บ้านนากับแก้... เป็นอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่จัดงานบุญบั้งไฟเป็นประจำทุกปี   ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 4-6 พฤษภาคมจัดงานกันสามวันสามคืนเต็มๆ ชาวบ้านแต่ละคุ้มต่างพากันจัดทำบั้งไฟประจำคุ้มของตนเอง เพื่อเอาไปจุดแข่งขันกับชาวคุ้มอื่นๆถ้าบั้งไฟคุ้มไหนขึ้นสูงลิบฟ้า ก็จะได้รับรางวัลชนะเลิศเป็นถ้วยทองและเงินรางวัลจาก ส.ส.คนดังของจังหวัด ทำให้แต่ละคุ้มต่างมีแรงใจ  และความหวังเต็มเปี่ยม
      “เอ้า! พวกเราช่วยกันเร่งมือหน่อย เดี๋ยวเสร็จไม่ทันแข่ง”  ทิดเคนหัวหน้าคุ้มเทวาสามัคคี สั่งการลูกทีม ซึ่งกำลังประดับประดาบั้งไฟให้สวยงามด้วยกระดาษย่นสีต่างๆตั้งแต่หัวจรดหางบั้งไฟ ดูลายพร้อยเหมือนตุ๊กแกยักษ์ก็ไม่ปาน
      “ปีนี้คุ้มเราต้องได้ที่หนึ่ง”  ทิดเคนให้ความหวังกับชาวคุ้ม ด้วยความลิงโลดใจ ทุกคนเปล่งเสียงไชโย  พร้อมกับปรบมือดังลั่น
.
      เสียงดนตรีพื้นเมือง...ในจังหวะเซิ้ง ซิ่งมันส์ๆ เร้าใจวัยโจ๋  ดังแผดกระหึ่มผ่านเครื่องขยายเสียงหลายพันวัตต์ จากรถแห่บั้งไฟแต่ละคุ้มหลายสิบคัน  เป็นขบวนยาวเหยียด หน้าขบวนรถแห่ จะมีขบวนนางรำ  ซึ่งลีล่าท่ารำก็เป็นจังหวะเซิ้งบั้งไฟดูสวยงามน่าชม เข้ากับจังหวะดนตรี สาวๆ บ้านนากับแก้หน้าตาดีทุกคน ท้ายขบวนจะมีพวกขี้เมาที่ทาหน้าทาตัวด้วยขี้หมิ่นหม้อสีดำ จนดูไม่ออกว่าใครเป็นใคร  ต่างเต้นเร่าๆ เข้าจังหวะดนตรีอย่างเมามัน เหมือนไส้เดือนดิ้นตายแดด ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ดูทุกคนหน้าแดงกร่ำ พุดจากันเสียงดังโหวกเหวก มะโหรงโฉงเฉง หวิดจะทะเลาะวิวาทกันหลายครั้ง อปพร. ต้องทำหน้าที่หนักเป็นพิเศษ
     ปีนี้.. คุ้มเทวาสามัคคีของทิดเคน ตกแต่งบั้งไฟพร้อมรถแห่ ประดับประดาด้วยดอกไม้สีสันแปลกตามีความคิดสร้างสรรค์ดี  กอปรกับนางฟ้าบั้งไฟก็สวยน่ารักทั้งคู่ ผู้มาเที่ยวงานต่างสนใจและเบียดเสียดกันถ่ายภาพขบวนแห่ของคุ้มนี้อย่างชื่นชม
     ขบวนแห่ รถบั้งไฟแต่ละคุ้มผ่านถนนกลางหมู่บ้าน มุ่งหน้าออกไปสู่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นสนามการแข่งขัน กลางทุ่งนา มีนั่งร้านหรือห้างจุดบั้งไฟ เป็นโครงเหล็กอย่างดี สูงประมาณสิบห้าเมตรซึ่งคณะ กรรมการได้จัดหาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
     บั้งไฟแต่ละคุ้ม  ถูกนำขึ้นนั่งร้านและจุดขึ้นฟ้าเพื่อถวายพระยาแถน ...บางคุ้มก็ทะยานขึ้นฟ้าแลสุดสายตา บางคุ้มก็จุดไม่ขึ้น ชาวคุ้มแต่ละคุ้มต่างสนุกสนานกันอย่างลืมเป็นลืมตาย บั้งไฟคุ้มไหนจุดไม่ขึ้น หัวหน้าคุ้มจะถูกหามโยนลงบ่อโคลนตม เป็นที่ครึกครื้น    บั้งไฟของคุ้มเทวาสามัคคีของทิดเคน ถูกนำขึ้นติดตั้งบนนั่งร้านพร้อมที่จะจุดเป็นคุ้มสุดท้าย
     “สาธุ! ขอให้บั้งไฟของชาวคุ้มเรา ขึ้นไปชนก้นพระยาแถนด้วยเถอะ”  ทิดเคนอธิษฐานและยกมือท่วมหัวประหลกๆ
     “เข้ากลีบเมฆ...เข้ากลีบเมฆ”   ชาวคุ้มเทวาสามัคคีส่งเสียงเชียร์ให้บั้งไฟคุ้มตัวเองทะยานขึ้นฟ้า หายเข้ากลีบเมฆ ด้วยความมั่นใจเป็นไปตามแรงเชียร์ บั้งไฟแสนพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เข้ากลีบเมฆหายวับไปกับตาชาวคุ้มส่งเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ

              
     พลันนั่นเอง! ...เสียงเอะอะโวยวายของกลุ่มวัยรุ่นขี้เมา กลุ่มหนึ่ง ก็ก่อการทะเลาะวิวาทกัน และวิ่งแตกฮือเป็นผึ้งแตกรังกรูเข้ามาทางฝูงชนที่กำลังสนุกสนานอย่างรวดเร็ว
      “บึม !!”   เสียงกึกก้องกัมปนาทดังขึ้น เปลวเพลิงและควันพวยพุ่งเป็นวงกว้าง พร้อมกับสะเก็ดดินสะเก็ดเหล็กปลิวกระจายพุ่งเข้าหาร่างผู้คนที่อยู่บริเวณหน้านั่งร้านบั้งไฟ ล้มระเนนระนาด ส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บป่วย
      “มีคนขว้างระเบิด”  เสียงใครคนหนึ่งตะโกนบอกท่ามกลางเสียงร้องของคนเจ็บ เมื่อควันและเสียงระเบิดสงบลง  ภาพที่เห็นคือร่างคนตายและคนเจ็บเป็นสิบๆคน มีทั้เด็กและผู้ใหญ่นอนจมกองเลือดอย่างน่าสลดใจ โศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะน้ำมือของคนที่ขาดสติยั้งคิด  ทะเลาะวิวาทกันด้วยฤทธิ์ของน้ำเมาแท้ๆ จึงทำให้คนอื่นที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรต้องมารับเคราะห์แทน มันเป็นบุญบั้งไฟเลือด ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้เป็นปีแรก
.
     “ช่วยลูกชายผมด้วยนะครับคุณหมอ”ทิดเคนร่ำไห้ พุดกับนางพยาบาลคนหนึ่ง ซึ่งกำลังเข็นรถพยาบาลที่มีร่างของแคนนอนแน่นิ่ง เลือดโทรมกาย ตรงไปที่ห้องฉุกเฉินอย่างรีบเร่ง
    “เราจะพยายามช่วยให้ถึงที่สุดค่ะ”  นางพยาบาลหันมาปลอบ “ ขอให้คุณพี่และญาตินั่งรอข้างนอกก่อนนะคะ”  
       หลายชั่วโมงผ่านไป...ทิดเคนพร้อมญาติเหมือนตกอยู่ในขุมนรกก็ไม่ปาน การรอคอยมันช่างทรมานยิ่งนัก  เขาเดินกลับไปกลับมาเหมือนเสือติดจั่น อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินหลายร้อยรอบ  ทันทีที่คุณหมอโผล่หน้าออกมาจากห้องฉุกเฉิน ทิดเคนก็ถลาเข้าไปหาคุณหมอทันที
    “ลูกชายผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ?”  เขาถามด้วยความร้อนใจคุณหมอมองหน้าทิดเคนนิ่งชั่วครู่  เล่นเอาทุกคนไม่สบายใจ คิดไปต่างๆ นานา ก่อนที่น้ำเสียงเรียบๆของคุณหมอจะดังขึ้น
    “ลุกชายคุณพ้นขีดอันตรายแล้วครับ”
    เท่านั้นแหละ...ทิดเคนโผล่เข้ากอดภรรยาสุดที่รัก ราวติดสปริง ทั้งคู่น้ำตาไหลพรากด้วยความดีใจ...





บันทึกการเข้า

ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,134
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2563, 09:48:14 AM »

Permalink: Re: เรื่องสั้น บั้งไฟเลือด
ใส่ภาพให้เอาออกหมด แสดงว่า ไม่ถูกใจ ขอโทษค่ะ คุณอา
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: