-/> กินทุเรียนทั้งที ต้องสุขภาพดี และไม่อ้วน!!

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดความบันเทิงสาระน่าอ่าน (ผู้ดูแล: Top Gun)กินทุเรียนทั้งที ต้องสุขภาพดี และไม่อ้วน!!
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กินทุเรียนทั้งที ต้องสุขภาพดี และไม่อ้วน!!  (อ่าน 1542 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 942
กระทู้: 179
ออฟไลน์ ออฟไลน์
   
« เมื่อ: 28 พฤษภาคม 2557, 10:20:20 PM »

Permalink: กินทุเรียนทั้งที ต้องสุขภาพดี และไม่อ้วน!!

ทุเรียน ทุเรียน ทุเรียน e103


ในเนื้อเหลืองอวบของทุเรียน ประกอบด้วย 3 อย่างหลัก คือ
1.แป้ง จากเนื้อเหลืองแน่นที่กินแล้วหวานมันอร่อยลิ้น
2.ไขมัน มีปนมาอยู่บ้างซึ่งมากกว่าพืชทั่วไป แต่การมีไขมันนี้ทำให้ทุเรียนมีวิตามินอีเยอะ
3.วิตามินแร่ธาตุและกำมะถัน หรือซัลเฟอร์ โดยกำมะถันตัวนี้เองคือตัวร้อน เป็นผู้ร้ายที่ทำให้เกิดอาการร้อนในและกลิ่นไร้เทียมทาน

สรรพคุณของทุเรียน

1. ช่วยฆ่าเชื้อ จากกำมะถันในเนื้อเป็นเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ
2. ช่วยเผาผลาญ จากความร้อนของกำมะถันและน้ำตาลในเนื้อ
3. ช่วยระบาย จากกากที่เป็นเส้นใยยุ่บยั่บในเนื้อ


นอกจากนี้ทุเรียนยังมีฤทธิ์ไล่พยาธิได้ ด้วยกำมะถันที่รุ่มร้อนทำให้ลำไส้ไม่เป็นบ้านแสนสุขของพยาธิอีกต่อไป อีกทั้งกากใยในเนื้อที่ช่วยขัดล้างลำไส้ด้วย


การกินทุเรียนเพื่อสุขภาพ ควรกินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานสูงถึง 187 กิโลแคลอรี ให้ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม และให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินเอ ประมาณ 18 มิลลิกรัม 36 มิลลิกรัม 1 มิลลิกรัม และ 22 มิลลิกรัม.ตามลำดับ แต่ ถ้าหากกินครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6 เม็ด หรือเกือบครึ่งลูก ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากความหวานของทุเรียนมากเกินไปถึงประมาณ 400 กิโลแคลอรี ซึ่งพอ ๆ กับกินข้าว 5 ทัพพี หรือกินน้ำอัดลมเกือบ 2 กระป๋อง หรือก๋วยเตี๋ยวหมู 1 ชาม
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระมัดระวังในการกินทุเรียน กินได้แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าคนปกติ นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังในการกินทุเรียน คือ ต้องไม่กินร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะในทุเรียนมีสารกำมะถันหรือซัลเฟอร์อยู่มาก ซึ่งจะละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ทำให้แอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็วและเมาหนักขึ้น ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เสี่ยงเสียชีวิตหรือเกิดอาการร้อนใน เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ส่วนความเชื่อที่ว่า กินทุเรียนแล้วให้กินมังคุดตามเพื่อแก้ร้อนใน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี แม้จะไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่คิดว่าเป็นกุศโลบายของคนรุ่นเก่า ที่คิดว่าทุเรียนเป็นของร้อน แล้วให้กินมังคุดเป็นของเย็นแก้กัน และคงต้องการให้คนกินผลไม้ที่หลายหลากชนิดด้วย

ดังนั้นสำหรับคนที่กินทุเรียนจนร้อนใน ควรกินอาหารธาตุเย็นที่มีฤทธิ์แก้ร้อนในตามลงไป ซึ่งมีให้เลือกมากมายตามความเหมาะสมและความชอบของคุณ เช่น

- ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ บางคนชงน้ำเกลือเจือจางดื่มสักแก้วก็ดีขึ้นได้เช่นกัน
- กินผักสดต่างๆ ให้มากขึ้น
- กินผลไม้ที่มีน้ำเยอะ ประเภทแตงโม แตงล้าน หรือผลไม้รสเปรี้ยวหรือหวานอมเปรี้ยว เช่น ส้ม สับปะรด มะนาวให้มากขึ้น หลายคนนิยมกินมังคุดตามหลังกินทุเรียน
- ดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรต่าง ๆ ที่มีฤทธิ์ช่วยแก้ร้อนใน เช่น น้ำเก๊กฮวย น้ำหล่อฮั่งก๊วย น้ำรากบัว น้ำมะนาว น้ำใบบัวบก น้ำใบเตย เฉาก๊วย


แนะนำเคล็ดในการกินทุเรียนให้ไม่อ้วน และสุขภาพดี

1. เลือกทุกเรียนห่ามจะดีเพราะมีน้ำตาลน้อย แต่ถ้าเลือกไม่ได้ก็กินทุเรียนสุก เนื่องจากงานวิจัยพบว่า ทุเรียนมีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อเคอซิทิน ซึ่งเป็นตัวเดียวกับในหอมใหญ่และองุ่น ทั้งนี้พลังต้านอนุมูลอิสระของทุเรียนสุกจะมีมากกว่า มังคุด ลิ้นจี่ ฝรั่ง มะม่วง ตามลำดับ
2. ถ้าจะกินเพื่อสุขภาพก็ให้กินได้ครั้งละไม่เกิน 2 พูต่อสัปดาห์ และถ้ามื้อไหนกินทุเรียน ก็ไม่ต้องกินข้าวมาก
3. ทุเรียนน้ำกะทิควรหลีกเลี่ยง เพราะอุดมไปด้วยน้ำตาลทั้งจากทุเรียน ข้าวเหนียว และไขมันจากกะทิ และอาจทำให้เกิดอาการร้อนในได้ด้วย
4. ขอให้กินทุเรียนกับผลไม้เนื้อเย็นน้ำเยอะ เช่น มังคุด ลองกอง แตงโมเพราะจะช่วยดับร้อนได้ดี
5. อย่ากินทุเรียนร่วมกับเหล้า แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะจะทำให้ยิ่งร้อนจัดขาดน้ำและช็อกได้ เนื่องจากกำมะถันในทุเรียนละลายได้ดีในแอลกอฮอล์
อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย จึงควรใส่ใจสิ่งที่เราจะทานเข้าไปกันสักนิดนะคะ อะไรที่มากเกินความพอดี ย่อมนำมาซึ่งสิ่งไม่พึงประสงค์ เช่น น้ำหนักตัว และโรคร้ายต่าง ๆ อย่าลืมประโยคสำคัญที่ว่า You are what you eat กันล่ะ



แหล่งที่มา: http://variety.teenee.com/foodforbrain/61557.html
บันทึกการเข้า

รัก...ไม่จำเป็นต้อง "บอก"
แต่ขอให้ "แสดงออก" ต่อกันว่ายังรัก
รัก...ไม่จำเป็นต้อง "บรรยาย" อะไรมากนัก
แต่ขอให้ "รู้สึกได้" ว่าเรายังรักกันก็พอ..!!!
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: