You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดสุขภาพกินเพื่อสุขภาพ (ผู้ดูแล: หมอจุ๋ม จุ๋มจิ๋ม จิ๋มจุ๋ม)7 เคล็ดลับ...กินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อยและสุขภาพดี
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: 7 เคล็ดลับ...กินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อยและสุขภาพดี  (อ่าน 1431 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,136
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2557, 08:54:42 AM »

Permalink: 7 เคล็ดลับ...กินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อยและสุขภาพดี





7 เคล็ดลับ...กินข้าวเหนียวมะม่วงให้อร่อยและสุขภาพดี



1. กินมะม่วงมากกว่าข้าวเหนียว
เช่น กินมะม่วงสุกครึ่งลูก (ขนาดกลาง) จะได้พลังงานประมาณ 70 กิโลแคลอรี ส่วนข้าวเหนียวมูนให้กิน 100 กรัม หรือ 1 ขีด
จะให้พลังงาน 280 กิโลแคลอรี เมื่อรวมกันแล้วจะเท่ากับ 350 กิโลแคลอรี

2. กินข้าวเหนียวมะม่วงช่วงเวลากลางวัน
กลางวันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องใช้พลังงานทำกิจกรรมต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงการกินมื้อเย็น เนื่องจากมีกิจกรรม
ที่ต้องทำน้อยกว่าช่วงกลางวัน พลังงานที่ได้รับเข้าไปอาจเผาผลาญและนำไปใช้ไม่หมด เกิดเป็นไขมันสะสมตามร่างกายได้

3. ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว
เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ต้องระมัดระวัง เพราะมีน้ำตาลและไขมันค่อนข้างสูง
แนะนำให้กินสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และควรลดปริมาณข้าวเหนียวลงให้เหลือสักครึ่งขีดกรณีที่ต้องการกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์

4. คนสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว อาจจะกินได้มากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์
แต่ต้องไม่ลืมว่าข้าวเหนียวมะม่วงให้พลังงานเทียบเท่ากับการกินอาหารมื้อหลัก 1 มื้อเลยทีเดียว ต้องไม่ลืมออกกำลังกาย
เพื่อเผาผลาญพลังงานที่กินเข้าไปด้วย ทางที่ดีไม่ควรกินเกิน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

5. เลือกกินข้าวเหนียวดำ (ถ้าเป็นไปได้)
หรือข้าวเหนียวที่มูนด้วยน้ำกะทิที่ผสมสีที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ดอกอัญชัน แครอต ขมิ้น และใบเตย เ
พราะจะได้รับสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มากกว่าการกินข้าวเหนียวขาว

6. กินมะม่วงแก่จัด
เพื่อให้ได้รสชาติดีและสารอาหารจากมะม่วงครบถ้วน ควรซื้อมะม่วงที่แก่จัด และควรปล่อยให้สุกตามธรรมชาติ
เนื่องจากมะม่วงที่บ่มแก๊สจะให้กลิ่นและรสที่ไม่ดีเท่ากับมะม่วงสุกตามธรรมชาติ วิธีการสังเกตคือ มะม่วงที่แก่จัดนั้นผลจะอวบ
ด้านล่างของมะม่วงจะไม่แหลม ส่วนมะม่วงที่เก็บมาตอนไม่แก่จัด แล้วนำมาบ่มแก๊สผิวจะเหี่ยว

7. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือไขมันในเลือดสูง
ควรกินมะม่วงสุกแต่น้อย กินครั้งละไม่เกิน 1 ผล ขนาดกลาง และใน 1 สัปดาห์ไม่ควรกินเกิน 2 ครั้ง
 ส่วนผู้ป่วยโรคไตควรงดกินมะม่วงสุกเพราะมีปริมาณโพแทสเซียมสูง

อาหารทุกอย่างเปรียบเสมือนดาบสองคม คือ มีทั้งประโยชน์และโทษ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กิน
 ถ้าเราเดินทางสายกลางกินแต่พอดี ก็จะไม่เกิดโทษ แต่หากกินมากเกินไปก็ให้โทษต่อร่างกายได้


ขอบคุณ ที่มา : หมอชาวบ้าน






บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: