-/> .๐..จากดวงใจผู้ร่ายคำ..๐.

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: .๐..จากดวงใจผู้ร่ายคำ..๐.  (อ่าน 2469 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
punkom
บุคคลทั่วไป
   
« เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2559, 05:42:40 PM »

Permalink: .๐..จากดวงใจผู้ร่ายคำ..๐.


.*..โศกไม่ลืม..*.
.
หวังเที่ยวทั่วเหนือใต้ให้ลืมเศร้า
ฝ่าลำเนาล่องน้ำข้ามภูผา
ยามค่ำคืนเป่าขลุ่ยขอดน้ำตา
อาบแสงเดือนดาราแทนรำพัน
.
เอาคิดถึงท้อแท้ลงกองทิ้ง
นั่งหลังพิงเพิงเก่าข้างรั้วกั้น
ริมธารน้ำผ่านไหลรับแสงจันทร์
จิ้งหรีดลั่นร่ำเสียงอยู่เคียงกาย
.
ยามรู้สึกนึกคิดมือขีดเขียน
บ้างอาเจียนจากเมาพอเศร้าหาย
จิบสุรามองเดือนอย่างเดียวดาย
ให้พระพายลูบหลังดั่งประโลม
.
ยินเสียงหวีดหรีดหริ่งเรไรร้อง
ท่วงทำนองพรรณนายิ่งถาโถม
ยิ่งหักห้ามความเจ็บยิ่งจู่โจม
ดังครามโครมในอุราผู้อาดูร
.
น้ำค้างพรมพราวพื้นในคืนแจ้ง
คนกลับแห้งเหี่ยวจินต์ดั่งสิ้นสูญ
มิเหลือฉ่ำชุ่มให้ใจจำรูญ
ทุกข์ฤดีทวีคูณพอกพูนใจ
.
หวังท่องเที่ยวทั่วถิ่นลืมสิ้นโศก
แต่เทวษวิปโยคนั่นยิ่งใหญ่
เที่ยวสายน้ำภูผาและป่าไพร
เขียนบทกลอนร้องไห้ยังไม่ลืม
.
.*..พันคม..*.
บันทึกการเข้า
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 23105
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,951
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2559, 12:00:54 AM »

Permalink: Re: .*..โศกไม่ลืม..*.




**เพลินเสียงขลุ่ย กรุยร่อน ฉอ้อนเสียง
ส่งสำเนียง เป่าขรม อารมณ์ปลื้ม
อยากบรรเลง เพลงรัก หากให้ยืม
คงดูดดื่ม ยินดี แสนปรีดา

**ขอกระชับ รับขวัญ อันบรรเจิด
มาคอยเปิด ประตู สู่คูหา
คนภูธร กลอนเล่น เป็นอาภา
สืบภาษา เกี่ยวก้อย ร้อยลำนำ.

..........*-*..........

เริงอักษร
 
บันทึกการเข้า

ครูกลอน
คะแนนน้ำใจ 8011
เหรียญรางวัล:
นักโพสดีเด่นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ผู้ดูแลบอร์ดครูกลอนผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 639
ออฟไลน์ ออฟไลน์
ทำทุกวันให้ดีที่สุด
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2559, 01:18:12 PM »

Permalink: Re: .*..โศกไม่ลืม..*.
love letter

เอ่อระเหย...ลอยมา ลอยมาลอยมา ใกล้ใกล้

เห็นสองชายซ้ายขวาท่าทางเท่
จึงเดินเหล่เข้าหาน่าขย้ำ
ชายคนแรกแปลกอยู่ดูผิวดำ
ชายสองล่ำเหลืองขาวผมเผ้าบาง

ไปไหนมาหรือจ๊ะถามซะหน่อย
ดูเศร้าสร้อยโทรมเกินเดินขาถ่าง
คงจะเหงา..เอ้างั้นฉันนั่งกลาง
วันนี้ว่างงานเว้นเป็นเพื่อนคุย

เอ่อระเหย...ลอยมา ลอยมาแล้วก็ลอยไป

Sasi


 
บันทึกการเข้า

punkom
บุคคลทั่วไป
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2559, 05:57:08 PM »

Permalink: Re: .*..โศกไม่ลืม..*.

.๐..จิ้งเหลนไฟ..๐.
.
เป็นวัยรุ่นหล่อเหลือกำลังลาก
แถมคารมคมปากเหมือนใส่ปุ๋ย
ลิงได้ฟังยังหล่นจนตะกุย
ยามออกลุยใครก็ขอซูฮก
.
เพราะจัดแจงแต่งองค์อย่างโอ่อ่า
มองซ้ายย้ายขวาหน้ากระจก
จับตะกรุดที่ใส่แถวชายพก
เสกกำกับสามยกให้ยืนยง
.
ขมุบขมิบท่องมนต์มหาอุตม์
ขอเดชะพระพุทธพระธัมพระสงฆ์
ดลคลาดแคล้วและขลังดั่งใจจง
ขอทั่วองค์คงกระพันในทันที
.
ว่า..’’สัตถาเทวะมนุตสานัง
มัตโต มัตตัง ขอให้ขลังทุกที่
อิมังกายะพันธะนัง อธิษฐามี
พุทโธ ภะคะวาตี อิติภะคะวะโต’’
.
แล้วหันหน้าหากระจกกระดกคิ้ว
พร้อมละลิ่วท่องหล้าหาสาวโอ๋
หยิบพระห้อยสร้อยทองมาคล้องโชว์
เหรียญจิ๊กโก๋หมื่นยันต์อย่างมั่นใจ
.
ผิวปากดังเฟี๊ยวฟ๊าวเจอสาวสวย
ทำท่าเดินสำรวย แล้วยักไหล่
เป็นเด็กฮาร์ททั้งตัวไม่กลัวใคร
ฉายาจิ้งเหลนไฟในหมู่คน
.
เดินเหิน..ยักแย่เป็นแย้ย่าง
ดวงตากร้าวกร่างขวางถนน
โพกผ้า..พันหัว..บอกตัวตน
บู๊บ้า..ท้าชน..เรื่องเชย,ชิน
.
ผมเผ้ายาวเหยียดขี้เกียจตัด
ลมเป่า,กระจายจัดคือเด็กจิ้น
กางเกงเดบเสื้อแดงแบบติดดิน
เดินเป็นคนเมาปลิ้นเป๋ไป-มา
.
เดปยีน,เสื้อยืด,ย้วยและยับ
เอวต่ำรัดกระชับคับสองขา
ดูก้องแก้งเก้งก้างขวางลูกตา
แต่เป็นธรรมดาของเด็กฮาร์ท
๐..............๐..............๐
ก๊อก,ก๊อก,ตื่น,ตื่นเดี๋ยวถูกเตะ
เสียงใครเอะอะลั่นเป็นตลาด
พอลืมตาเห็นหน้าเจ้าอาวาส
เงื้อไม่ฟาดโกยแนบแทบไม่ทัน
.
ตีห้าพร้อมบิณฑบาตกับหลวงพ่อ
สายหน่อยก็ถ่อไปเรียนเพียรขยัน
ตกค่ำว่างเที่ยวท่องลองความมัน
ตื่นสายอีกแล้วฉัน...ทุกวันเลย
.
.๐..พันคม..๐.

 
บันทึกการเข้า
punkom
บุคคลทั่วไป
   
« ตอบ #4 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2559, 07:38:40 PM »

Permalink: Re: .๐..จิ้งเหลนไฟ..๐.


.๐..จากดวงใจผู้ร่ายคำ..๐.
.
เช่นไม้ท่อนตามทุ่งและคุ้งน้ำ
รอคอยล่องลอยลำไปตามฝัน
ท่องเที่ยว,เดียวดายจากไพรวัลย์
ผ่านแสงแดดแสงจันทร์ไม่คณนา
.
เราก็เป็นเช่นคล้ายกับไม้ท่อน
ที่ซุกซ่อนคมเสี้ยนให้ศึกษา
หนึ่งเสี้ยนคือหนึ่งซึ่งศาสตรา
ชักออกมาเป็นคำอันคมคาย
.
กวัดแกว่งดั่งทวนคู่เป็นพู่กัน
แต่งแต่ม,สีสันให้หลากหลาย
ร่ำร้อง,บรรเลงทุกลวดลาย
จรดกลายปรากฏเป็นบทกลอน
.
แต่ละหยดบทบาทที่หยาดหลั่ง
ซ่อนพลังแรงใจของไม้ท่อน
แต่ละคิดแต่ละเขียนคือละคร
สรรสระและอักษรจากก้อนจินต์
.
แม้นมิถึงซึ่งกวีมากมีชื่อ
ทุกคำคือลำแสงแห่งสีศิลป์
แม้นมิเฟื่องเรื่องลือระบือบิล
ก็เผยสิ้นถึงฤดีคีตกานท์
.
ที่พร่ำพร้องก้องใจเป็นลายหมึก
ผูกติด,จิตสำนึกอย่างฮึกหาญ
แม้เป็นกวินไร้จินตนาการ
แต่ก็ใช้จิตวิญญาณมากลั่นคำ
.
ที่ละน้อยทีละนิดความคิดนึก
ของรู้สึกโศกเศร้าจากเช้าค่ำ
แต่ละกรีดมีดไม้ที่ร่ายรำ
คือระบำของหัวใจผู้ร่ายเอง
.
จะหวีดหวิวพลิ้วไหวหรือไร้รส
ความจืดชืดปรากฏในบทเร่ง
ท่านผู้ชมชื่นชังเหมือนฟังเพลง
ร่วมบรรเลงลีลาสร้างอารมณ์
.
ชอบมิชอบมอบให้ด้วยใจรัก
สานสลักอักษราอย่างสาสม
จากในทรวงดวงนั้นของพันคม
ฝากผู้ชมด้วยดวงใจผู้ร่ายเอย
.
.๐..พันคม..๐.

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: