***เบคอน มีดี มีเสียอะไรบ้าง***
-ตามหลักโภชนาการ
1. เบคอนเป็นอาหารที่ไม่น่ากินเลย มีทั้งไขมันและเกลือมาก ไม่เหมาะกับคนอ้วน หรือมีความดันโลหิตสูง แต่เป็นอาหารที่อยู่ในระบบการกินของฝรั่งมานานหลายร้อยปี เป็นผลผลิตของการถนอมอาหาร ทำให้ยืดเวลาที่เก็บเนื้อสัตว์โดยไม่เน่าเสียได้หลายเดือน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสมัยที่ไม่มีตู้เย็น คนที่กินเบคอนจำเจมานานปีหลายชั่วคน ยังติดในรสชาติจะงดเสียเลยย่อมทำได้ยาก สำหรับคนไทยที่เพิ่งนิยมชมชอบอาหารฝรั่งยังไม่ถึงกับติดรสเบคอน ถ้างดเสีย คงจะไม่เดือดร้อนนัก
2. สามในสี่ส่วนของเบคอนเป็นไขมัน จึงมีพลังงานสูงมากเบคอนหนึ่งชิ้นให้พลังงานประมาณ 30-40 แคลอรี กินเพียงสองชิ้นจะได้พลังงานเท่ากับกินไข่หนึ่งฟอง แต่ได้สารอาหารอื่นน้อยกว่าไข่มาก โดยเฉพาะโปรตีน เกลือแร่และวิตามิน กินเบคอนก็เหมือนกินกากหมู เบคอนจึงจัดอยู่ในหมู่ไขมัน ไม่ใช่หมู่เนื้อสัตว์ โปรตีนที่ติดมากับเนื้อหมูน้อยมาก จนอาศัยเป็นแหล่งโปรตีนไม่ได้
3. เบคอนให้วิตามินบีบ้าง เพราะในหมูมีวิตามินสูง แต่วิตามินเอและเหล็ก ที่มีมากในไข่นั้น เบคอนแทบไม่มีเลย เมื่อเทียบกันในด้านคุณค่าทางโภชนาการ เบคอนแพ้ไข่อย่างเทียบไม่ติด เมื่อเทียบกันในด้านราคาแล้ว เบคอนแพ้ไข่อย่างหลุดลุ่ย เบคอนจึงไม่น่าจะอยู่ในงบอาหารของครอบครัวที่มีเงินจำกัด
4.เบคอนยังมีสารที่ทำให้เกิดมะเร็ง ชื่อว่าไนโตรซามีน เป็นสารที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างอามีนที่มีในหมูกับไนเตรท หรือไนไตรท์ที่มีในดินประสิวที่ใช้ในการผลิตเบคอนเกิดขึ้นขณะทอดเบคอน สารนี้ไม่มีในกากหมู เพราะกากหมูไม่ได้ผ่านขบวนการถนอมอาหารเหมือนเบคอน กินกากหมูคลุกข้าวจึงปลอดภัยกว่ากินเบคอนกับขนมปัง
-เวลาทอดเบคอนควรใช้อุณหภูมิต่ำ ต้องใช้เวลานานขึ้นก็จริงแต่สารไนโตรซามีนเกิดขึ้นน้อยลง ถ้าใช้เตาอบไมโครเวฟทำจะเกิดขึ้นน้อยที่สุด วางเบคอนบนกระดาษซับน้ำมันก่อน แล้วจึงอบ
-ไนโตรซามีนเกิดขึ้นมากในส่วนไขมัน จึงควรเลือกเบคอนที่มีเนื้อติดมาก เทน้ำมันที่เจียวออกทิ้ง อย่าเก็บไว้ทำอาหารอื่น ในตำราอาหารฝรั่ง มักให้ใช้ไขมันจากเบคอนปรุงอาหาร ในไขมันนี้อาจมีไนโตรซามีนสามถึงสี่เท่าของที่มีในเบคอน ตำราเหล่านี้เขียนไว้นานมาแล้วก่อนที่จะรู้อันตรายของไนโตรซามีน ในตำราใหม่ ๆ ใช้เบคอนปรุงอาหารน้อยลงมาก และในสิบปีข้างหน้าคาดกันว่าจะใช้เบคอนน้อยกว่านี้อีก
-ไนโตรซามีนบางส่วนระเหยได้ เวลาทอดต้องดูแลให้อากาศถ่ายเทได้ดี มิฉะนั้นคนทอดจะสูดเข้าไปได้มาก
อย่างไรก็ดี ไนโตซามีนทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลองแน่ถึงไม่มีระดับที่ปลอดภัย แต่คนกินจะเป็นมะเร็งหรือไม่ ช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานและความสามารถในการกำจัดของแต่ละคนกินน้อยก็เสี่ยงน้อย ไม่กินเลยจึงปลอดภัยที่สุดที่มา : thailovehealth.com