-/> ประเพณีน่ารู้ ตอน ประเพณีเกี่ยวข้องกับข้าว

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดความบันเทิงเรื่องเล่าดีดี (ผู้ดูแล: หนุ่มภูธร ณ ลุ่มน้ำป่าสัก)ประเพณีน่ารู้ ตอน ประเพณีเกี่ยวข้องกับข้าว
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ประเพณีน่ารู้ ตอน ประเพณีเกี่ยวข้องกับข้าว  (อ่าน 1252 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนน้ำใจ 1676
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลบอร์ดมีความคิดสร้างสรรค์นักโพสดีเด่น
กระทู้: 120
ออฟไลน์ ออฟไลน์
หนุ่มภูธร...ผู้ผิดหวังจากการเป็นครู
อีเมล์
   
« เมื่อ: 06 ธันวาคม 2561, 09:23:12 PM »

Permalink: ประเพณีน่ารู้ ตอน ประเพณีเกี่ยวข้องกับข้าว

....หลังจากครั้งก่อน ได้กล่าวถึงพิธีที่เกี่ยวเนื่องกับฝนแล้ว
 วันนี้เราจะมากล่าวถึงประเพณีที่เกี่ยวกับข้าวกันบ้าง ซึ่งสองจุดนี้จะต่อเนื่องกัน
คือ เมื่อขอฝนสำเร็จก็จะเริ่มปลูกข้าวนั่นเองครับ.....

...คนไทยในสมัยก่อนนั้นมีความเชื่อว่า ข้าวมีจิตวิญญาณ และมีเทพยดาคุ้มครองมีชื่อเรียกว่า“แม่โพสพ”
 ซึ่งเป็นเป็นผู้ปกปักรักษาข้าวและเป็นผู้ช่วยให้ผลผลิตดี ดูแลรักษาพืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ ให้มีความอุดมสมบูรณ์
ชาวนาสมัยก่อนจึงมีความสำนึกในบุญคุณของแม่โพสพอย่างลึกซึ้ง และก่อให้เกิดพิธีกรรมต่างๆ
เกี่ยวข้องมากมายเพื่อเป็นการบูชาแม่โพสพ อาทิ การทำขวัญข้าว การสู่ขวัญข้าว การสู่ขวัญยุ้งข้าว เป็นต้น

....นอกจากคนไทยจะมีความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณของข้าว การบูชาเพื่อให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล
เพื่อการผลิตข้าวที่ดีที่เป็นบ่อเกิดของประเพณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบวงสรวงเทพยดาเพื่อขอฝน
เช่น พิธีแห่นางแมว พิธีแห่บั้งไฟ พิธีเลี้ยงผีฝาย เป็นต้น

....ก่อนการปลูกข้าวนั้น ก็มีการสร้าง"ตูบผี" เอาไว้ เชิญผีซึ่งเคยอยู่ที่ท้องนาขึ้นมาอยู่บนตูบ
เวลาจะไถจะได้ไม่รังควานผี และมีการเซ่นไหว้ เวลาจะหยอดข้าวก็ต้องเรี่ยไรเงิน มาซื้อหมูมาฆ่าเซ่นผี มาเอาใจผีอีก
 เพราะว่าถ้าผีไม่พอใจปลูกข้าวแล้วจะมีผลเสีย หรือถ้าหากว่าจะทำสู่ขวัญข้าวก็ต้องทำพิธีเลี้ยงผีอีก
ก็ต้องเรี่ยไรเงินกันเพื่อเอาเงินมาซื้อสัตว์มาฆ่าสังเวยและจะปิดตาแหลวเอาไว้ ซึ่ง"ตาแหลว" หรือ "ตาเหลว"
เป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันและบอกขอบเขตไม่ให้สัตว์ป่าต่างๆ มาทำลายข้าวในไร่

....จะเห็นว่า บางท้องที่จะมีกฎหมายลงโทษคนที่ไปทำมิดีมิร้าย ไปอุจจาระ ปัสสาวะใส่ทุ่งนา
หรือสัตว์เลี้ยงไปละเมิดทำให้ไร่นาข้าวปลาเสียหาย มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่า ให้ทำ"บัตรพลีดีไหว้"
 หรือว่าต้องเซ่นไหว้ เพราะไม่ใช่เพียงแต่ว่าเป็นการลงโทษคนที่ละเมิดทำข้าวเสียหายเท่านั้น
แต่ว่าเป็นลักษณะของความอุบาทว์หรือสิ่งที่ทางเหนืออาจเรียกว่า “ขึด”
คือ ถ้าเผื่อว่าทำแล้วมันเสียหายแก่ท้องนาแก่ข้าวแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่ว่าคนคนนั้นหรือเจ้าของนาจะเดือดร้อน
แต่ว่าจะก่อให้เกิดความอุบาทว์หรือวิปริตไปทั้งหมดได้ เพราะฉะนั้นเพื่อกันความเสียหายของชุมชน
จะต้องทำการบัตรพลีดีไหว้ อันนี้เป็นกฎหมายตราไว้เลย

....ในด้านการใช้แรงงานเพื่อเก็บเกี่ยวข้าวในสมัยก่อน จะมีประเพณีที่เรียกว่า “ลงแขก” ซึ่งเป็นประเพณีเอาแรง
เป็นการขอความช่วยเหลือกัน ทำงานร่วมกันด้วยน้ำใจไมตรีอย่างแท้จริง และเป็นความน่าภาคภูมิใจในความมีน้ำใจ
เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ของกลุ่มชาวนาเป็นอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ความเจริญและการผลิตที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย
 ได้ทำให้ประเพณีดังกล่าวมานี้แทบจะสูญสลายไปจากสังคมชาวนาไทยแล้ว
คงเหลือเพียงในพื้นที่ห่างไกลที่ความเจริญยังคงไปไม่ถึงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่ยังคงเอกลักษณ์และประเพณีอันดีงามเช่นนี้อยู่

....พิธีกรรมและประเพณีที่จัดขึ้นมีทั้งที่เป็น พิธีที่จัดทำเฉพาะในครอบครัว และที่สมาชิกของชุมชน
ร่วมกันจัดทำขึ้นซึ่งถือว่าเป็น “พิธีราษฎร์” และมีงานบุญประเพณีที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมที่เป็นพิธีหลวงที่เรียกว่า “พระราชพิธี” หรือ "พิธีหลวง"

...โดยทั่วไปพิธีกรรมอันเนื่องด้วยข้าว มักจัดทำขึ้นโดยมีเป้าหมาย ๔ ประการ คือ
- เป็นการขอร้องอ้อนวอนผี หรืออำนาจลึกลับ ให้ช่วยดูแลให้ต้นข้าวเจริญงอกงาม มีผลผลิตจำนวนมากตามความต้องการ
- เป็นการขออนุญาตผี หรือเทพที่ประจำสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ เพื่อขออนุญาตใช้สอยสิ่งนั้นๆ
- เป็นการขอขมาต่อธรรมชาติ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ เมื่อได้ล่วงเกิน
- เป็นการเสี่ยงทาย
....พิธีกรรมอันเนื่องด้วยข้าว ที่จัดขึ้นแต่ละครั้งมักจะมีเป้าหมาย หรือ วัตถุประสงค์ไม่แตกต่างกันมากนัก
นอกจากนี้พิธีกรรมบางอย่าง อาจมีเป้าหมายหลายประการ ในขณะเดียวกัน พิธีกรรมอันเนื่องด้วยข้าวของคนไทย
แบ่งตามขั้นตอนกระบวนการผลิตได้เป็น ๓ ขั้นตอน ดังนี้

๑. พิธีกรรมก่อนการปลูก
....พิธีกรรมก่อนการเพาะปลูก เป็นพิธีเพื่อบวงสรวง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบอกกล่าว อ้อนวอน ขอร้อง ขออนุญาต
 หรือเสี่ยงทาย อันสะท้อนให้เห็นความคิด ความเชื่อเรื่องผี และอำนาจลึกลับ ที่สืบทอดมาแต่โบราณ
ตลอดจนความคิด ความเชื่อทางพุทธศาสนา และ ศาสนาพราหมณ์ในสังคมไทย

....การบวงสรวงนั้น จัดขึ้นเพื่อบอกกล่าวขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตย์อยู่ในท้องนา คนไทยในหลายถิ่น
เช่น ในภาคเหนือและภาคอีสาน จะกระทำพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษ และ ผีประจำหมู่บ้าน ซึ่งจัดทำขึ้นก่อนการทำนา
 ผีบรรพบุรุษนั้น บางถิ่นเรียกว่า ผีเรือน บางถิ่นเรียกว่า ผีปู่ย่า บางถิ่นเรียกผีตายาย เชื่อกันว่าเป็นผีที่อยู่ประจำบนเรือน
คอยคุ้มครองดูแลลูกหลาน ส่วนผีประจำหมู่บ้าน บางถิ่นเรียกว่า ผีบ้านหรือเสื้อบ้าน และ บางถิ่นเรียกว่า ผีปู่ตา เป็นต้น
เป็นผีที่คอยคุ้มครองดูแลคนในหมู่บ้าน

...การเซ่นไหว้ผีบรรพบุรุษ และผีประจำหมู่บ้าน ก่อนการทำนา นอกจากขอให้ดูแลคุ้มครองลูกหลาน
 และคนในหมู่บ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากโรคภัยแล้ว ยังเป็นการบอกกล่าวและอ้อนวอน ขอร้องให้ทำนาได้ผลดี
 ด้วยการไหว้ผีบรรพบุรุษนั้น เป็นพิธีกรรมของครอบครัวหรือระหว่างเครือญาติ ส่วนการไหว้ผีประจำหมู่บ้าน
 มีทั้งที่เป็นพิธีกรรมส่วนบุคคล และพิธีกรรมที่จัดทำร่วมกันของสมาชิกในหมู่บ้าน ในภาคอีสานมีการเลี้ยงผีปู่ตา
ที่ดอนปู่ตาซึ่งเป็นป่าไม้ใกล้ๆ หมู่บ้าน จำทำพร้อมกันทั้งหมู่บ้านระหว่างเดือน ๖ ถึง เดือน ๗

....ก่อนการทำนา หากชาวบ้านเกรงว่าปีนั้นฝนจะน้อย ก็จะมีการทำพิธีขอฝน โดยหวังพึ่งในอำนาจลึกลับบางอย่าง
 น่าสังเกตว่าพิธีขอฝนบางครั้ง มักจะใช้วิธีการที่แปลกพิสดาร เป็นสิ่งที่ไม่พบเห็นในชีวิตประจำวัน
 บางทีก็มีเรื่องเพศเข้ามาปะปนด้วย เพราะเรื่องเพศเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ อาจปรากฏในเพลงร้อง
 หรือวัตถุที่ใช้ในพิธีกรรม การขอฝนมีวิธีการต่างๆ เช่น พิธีแห่นางแมว ซึ่งมีอยู่ทั่วทุกภาค ในภาคอีสานมีการขอฝนหลายแบบ
 นอกจากแห่นางแมวซึ่งเรียกว่า พิธีเต้านางแมว
 แล้วก็มี "พิธีเต้าแม่นางข้อง","พิธีเต้าแม่นางด้ง","พิธีดึงครกดึงสาก","ประเพณีการจุดปั้งไฟ"
เดิมเป็นการจุดเตือนแถนหรือผีฟ้าขอให้ส่งฝนลงมา ปัจจุบันนี้ตีความว่า การจุดบั้งไฟ เป็นการจุดเป็นพุทธบูชา
 ตัวอย่างพิธีขอฝน ที่เป็นพิธีทางพุทธศาสนาได้แก่ การเทศน์พญาคันคาก และ การสวดคาถาปลาช่อน

....ส่วนพิธีกรรมที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงทาย เช่น ทางภาคเหนือ มีการใช้วัดไม้วา โดยตัดไม้ให้มีความยาวขนาด ๑ วาพอดี
หลังจากอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็กางแขนออกวัดอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไม้สั้นกว่ามือแสดงว่าปีนั้นน้ำจะน้อย
ถ้าไม้ยาวกว่ามือก็แสดงว่าจะมีน้ำมาก ทำนาทำไร่ได้ผลดี จะอุดมสมบูรณ์
 
....พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และ พระราชพิธีพืชมงคล ซึ่งกระทำในเดือน ๖ นั้น
เป็นพระราชพิธีที่แสดงให้เห็นว่า พระมหากษัตริย์ทรงส่งเสริมสนับสนุนราษฎรในการทำเกษตรกรรม
เป็นการบำรุงขวัญเสริมสร้างกำลังใจแก่ราษฎร พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
เป็นพิธีพราหมณ์ที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงทายปีนั้นๆ น้ำจะมากหรือน้อย ข้าวปลาอาหารจะบริบูรณ์หรือไม่
เปิดโอกาสให้ราษฎร ได้เก็บข้าวที่พระยาแรกนาหว่านแทนพระมหากษัตริย์ แล้วนำไปเป็นข้าวขวัญเป็นสิริมงคลแก่ไร่นา
 ส่วน พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีสงฆ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้มีขึ้นเพื่อให้พระสงฆ์สวดเป็นสิริมงคลแก่พืชพันธุ์ธัญญาหาร

๒. พิธีกรรมในช่วงเพาะปลูก
....พิธีกรรมในช่วงนี้ เป็นพิธีที่จัดทำขึ้นเพื่อขอร้อง อ้อนวอนให้ผีหรือเทพช่วยดูแลข้าวที่ปลูก ให้เจริญงอกงามได้ผลดี
ปลอดภัยจากสัตว์ ประเภทนก หนู และแมลงต่างๆ และขอขมาควายที่ได้เฆี่ยนตีในตอนไถนา
หลังจากน้ำเข้านาแล้วก็มีพิธีแรกนา ในภาคอีสาน และภาคเหนือเรียกว่า "แฮกนา" มีการเซ่นไหว้เจ้าที่ หรือ พระภูมินา
เสร็จแล้วก็เริ่มไถ หลังจากนั้นก็มี พิธีแรกหว่าน และเมื่อต้นข้าวโตเป็นต้นกล้าก็มี พิธีแรกดำนา
ในพิธีแรกดำนานั้นก่อนถอนกล้าไปดำ มีการกล่าวขอขมาแม่โพสพ และเชิญแม่โพสพไปอยู่ประจำ
ณ ที่ปักดำ ภายหลังการปักดำ  ปัจจุบันพิธีนี้เหลือน้อยลง เพราะหลายแห่งใช้เครื่องจักรในการไถนาแทนควาย
 ช่วงเพาะปลูกนี้เป็นช่วงที่ต้องดูแลรักษาให้ต้นข้าวงอกงามเจริญเติบโต มีพิธีกรรมไล่ศัตรูข้าว ศัตรูสำคัญ คือ หนู  
เมื่อข้าวตั้งท้องมี พิธีทำขวัญแม่โพสพ ในสมัยโบราณหากมีน้ำมากเกินความต้องการก็มี"พระราชพิธีไล่เรือ"
 เป็นพิธีไล่น้ำให้ลดลงเร็ว ซึ่งจะจัดทำขึ้นในเดือนอ้าย

๓. พิธีกรรมเพื่อการเก็บเกี่ยว-ฉลองผลผลิต
....พิธีกรรมในช่วงนี้ เริ่มตั้งแต่เมื่อข้าวสุกได้เวลาเก็บเกี่ยว จนกระทั่งนวดเสร็จแล้วนำข้าวขึ้นยุ้ง
และนำไปปรุงเป็นอาหารหรือตักขาย เมื่อข้าวสุกได้เวลาเก็บเกี่ยวก็จะมี "พิธีแรกเกี่ยว" เป็นการบวงสรวง
 และขอขมาพระแม่โพสพก่อนการเกี่ยวข้าว เมื่อเกี่ยวข้าวเสร็จแล้ว ก็มีพิธีก่อนการนวดข้าว คือ "พิธีแรกนวด"
 เป็นพิธีทำขวัญข้าว เชิญแม่โพสพจากท้องนาให้เข้าสู่ลาน เมื่อนวดเสร็จแล้ว ก่อนนำข้าวเข้าเก็บในยุ้งฉางก็มี
"พิธีทำขวัญข้าว" อีกครั้งหนึ่ง เป็นการขอขมาที่มีการนวดข้าว ด้วยการฟาดข้าว หรือใช้วัวควายเหยียบ
อัญเชิญพระแม่โพสพให้มารับเครื่องสังเวย และมาอยู่ที่ยุ้งฉาง หลังจากนั้นมี "พิธีปิดยุ้ง"
 ขอพระแม่โพสพบันดาลให้ข้าวมีมากมาย กินไม่รู้จักหมด หลังจากนั้นมีการ "ทานข้าวใหม่"
ซึ่งจะนำข้าวใหม่มานึ่งหรือหุงถวายพระ เมื่อจะนำข้าวออกขายก็มี "พิธีเปิดยุ้ง"
เป็นการขอขมาแม่โพสพ และขออนุญาตก่อนจะตักข้าวขายนั่นเอง....

....ตามที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า คนไทยประกอบพิธีอันเนื่องด้วยข้าวเป็นระยะๆ ในช่วงเวลาตั้งแต่ก่อนการปลูกข้าว
จนกระทั่งได้ผลผลิตมาเป็นอาหาร และนำออกขาย พิธีกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นแนวความคิดความเชื่อที่สืบทอดมาแต่โบราณ
 ได้แก่ ความเชื่อเรื่องผี และขวัญ และยังแสดงถึงความเคารพต่อธรรมชาติ ต่อท้องนาที่ใช้เป็นที่ประกอบอาชีพอีกด้วย.....

"สวัสดีครับผม"
บันทึกการเข้า

รวมบทประพันธ์ของ หนุ่มภูธร ณ ลุ่มน้ำป่าสัก คลิ๊กที่นี่
http://www.khonphutorn.com/index.php/topic,12043.0.html
ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจาก YouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: