"...ความบังคับตนเองนั้นเกิดขึ้นได้จากความรู้สึกระลึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า "สติ" กล่าวคือ ก่อนที่บุคคลจะทำจะพูด หรือแม้แต่จะคิดเรื่องต่าง ๆ สติหรือความรู้สึกระลึก
ได้นั้นจะทำให้หยุดคิด ว่าสิ่งที่จะทำนั้นผิดชอบชั่วดีอย่างไร จะมีผลเสียหายหรือจะเป็นประโยชน์อย่างไรในระยะยาว
เมื่อบุคคลคิดได้ ก็จะสามารถตัดสินการกระทำของตนได้ถูกต้อง แล้วก็จะกระทำแต่เฉพาะสิ่งที่สุจริตที่มีประโยชน์อันยั่งยืน
ไม่กระทำสิ่งที่จะเป็นความผิดเสียหายทั้งแก่ตนและส่วนรวม ความมีสตินั้น จะช่วยให้สามารถศึกษาทุกสิ่งทุกอย่าง
ได้อย่างละเอียดประณีต คือเมื่อจะศึกษาสิ่งใด ก็จะพิจารณากลั่นกรองสิ่งที่มิใช่ความถูกต้องแท้จริงออกเสียก่อน
เพื่อให้ได้มาแต่เนื้อแท้ที่ปราศจากโทษ บัณฑิตทั้งปวงผู้หวังความมั่นคงปลอดภัยทั้งของตนและของชาติบ้านเมือง
เมื่อจะทำการงานใด ๆ ที่สำคัญ ควรอย่างยิ่งที่จะหยุดคิดสักหน่อยก่อนทุกครั้ง
แล้วท่านจะไม่ต้องประสบกับความผิดหวังและผิดพลาดในชีวิต…"
(พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ณ อาคารใหม่
สวนอัมพร วันพฤหัสบดี ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๒๐)
....คนเรานั้น ก่อนจะพูด จะทำอะไรก็ตาม จะต้องมีสิ่งหนึ่งประดับตัวไว้เสมอ คือ "สติ"
เมื่อเรามีสติเราก็จะสามารถยับยั้งชั่งใจก่อนได้ว่า สิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่สมควรทำ
ซึ่งบางครั้งคนเรานั้นมักจะพลาดพลั้งพูดหรือทำอะไรลงไป โดยที่มิได้ตั้งสติให้ดี สุดท้ายแล้วก็เกิดปัญหาตามมา
เมื่อเกิดปัญหาก็จะเป็นตัวเราก่อนที่ได้รับผลนั้น แล้วก็บานปลายไปสู่ระดับที่ใหญ่ขึ้นๆ จนไม่สามารถหยุดได้
ทีนี้ละจะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว....ดังนั้นแล้ว การตั้งสติ คิดก่อนทำ เราทุกคนควรมีไว้กับตัว
และพึงระลึกถึงมันเสมอ และพร้อมจะหยิบออกมาใช้ได้ทุกเมื่อ ในเวลาที่ขับคันหรือเวลาที่ต้องใช้สมองคิด
ตรึกตรองดีๆเสียก่อน มิเช่นนั้นแล้ว หากพลาดพลั้งมา เราก็จะมิสามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกเลย
....สมดั่งพุทธศาสนสุภาษิตที่ยกมาปิดท้ายว่า.... สติ โลกสฺมิ ชาคโร.
สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่ในโลก .
ธ สถิตย์ในใจไทยนิจนิรันดร์....