หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ..ต้นไม้ของพ่อ..  (อ่าน 3779 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 23083
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,951
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2561, 11:45:58 PM »

Permalink: ..ต้นไม้ของพ่อ..



                              ..ต้นไม้ของพ่อ..
                              บทที่ ๑

     "ใครที่อยู่ด้านนอก ก็รีบเข้ามาด้านใน ใครที่อยู่ด้านใน
ก็กระเถิบชิดเข้ามาอีกหน่อย นะคร๊าบบบ เรากำลังจะประกาศ
ผลรางวัลผู้ชนะเลิศการประกวดผลไม้ประจำปีแล้วนะครับ.."

     เสียงตามสายดังมาจากมัคนายก ในงานประกวดผลไม้
ของอำเภอ ประจำปี  เสียงดังกระหึ่มไปทั้งงาน ด้วยลีลา
ตามประสาชาวบ้าน มีกลเม็ดเท่าไหร่ วันนี้ปล่อยหมด
เพราะผู้คนในอำเภอคึกคัก มากันเต็มลานวัดไปหมด

     กราบเรียนเชิญท่านนายอำเภอ "พิษณุ" ขึ้นมาประกาศ
และมอบถ้วยรางวัลด้วยครับ เราจะได้รู้ กันเดี๋ยวนี้แล้วคับ
ว่าผลไม้ของสวนไหน ในอำเภอ โพธิ์ไทร ใครจะได้
รับรางวัลที่ 1 เรียนเชิญท่านนายอำเภอครับ

     "ฮัลโหลๆ เทสๆ สวัสดีครับ ท่านพ่อแม่พี่น้อง
ที่มาร่วมงานผลไม้ประจำปีของอำเภอเรา ผมรู้สึก
เป็นเกียรติมาก ที่ได้รับเชิญมาให้เป็นประธานในงานนี้
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาในการรอคอย
ผมขอประกาศรายชื่อ ผู้ที่ได้รับรางวัล ณ.บัดนี้"

     "เฮ้ย ไอ้ตึ๋ง แกเอาผลไม้อะไรมาประกวดว่ะ ปีนี้"
     "ข้าเอามะม่วงมาประกวดว่ะ ปีนี้ลูกสวย ดกเหลือเกิน
      หอมหวานเชียว อกร่องต้นสมัยที่พ่อข้าปลูก"
     "แล้วแกล่ะ เอาผลไม้อะไรมาประกวดว่ะ ไอ้ต่าย"
     "ข้าเอาน้อยหน่ามาว่ะ ปีนี้ลูกโตๆ ดกเต็มต้นเหมือนกัน"

     เสียงดังมาจากเวทีประกวด "ผู้ที่ได้รับรางวัลผลไม้ดีเด่น
ประจำปีนี้คือ นายภาคภูมิ สื่อพิทักษ์ ขึ้นมารับรางวัล
ด้านบนเลยครับ"   

     "เฮ้ยๆๆๆๆ ไอ้ตึ๋ง แกได้รับรางวัลชนะเลิศว่ะ
     ดีใจด้วยโว้ยๆๆๆเพื่อน"

     นายภาคภูมิ สื่อพิทักษ์ หรือที่เพื่อนๆรู้จักกันดีในนาม
"ไอ้ตึ๋ง" เป็นลูกของนายต้น ที่ถือว่าเป็น
ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำอำเภอ ที่มีฝีมือในการทำสวน
แกเป็นคนใจดี ช่วยสอน ช่วยบอกทุกคนที่ไปถาม
ไม่เคยหวงความรู้ แถมยังมีข้อแนะนำดีๆ
ให้กับทุกคนตลอดมา   

     "ไอ้ตึ๋ง" เป็นลูกชายโทน ที่พ่อหมายมั่นปั้นมือ
ให้สืบทอดการเป็นชาวสวน แต่ไอ้ตึ๋งมันไม่ชอบ
แม้พ่อของมันอุตส่าห์ส่งให้ไปเรียนถึงกรุงเทพฯ
หวังไว้ว่าเมื่อมันเรียนจบ จะได้นำความรู้ความ
สามารถกลับมาพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน
ให้เจริญรุ่งเรือง แต่เป็นที่น่าเสียดาย พ่อส่งให้ไปเรียน
ด้านเกษตรกรรม มันได้แอบไปลงทะเบียนเรียน
การเงินการบัญชี โดยหวังไว้ว่าจบมาจะไปทำงาน
ด้านธนาคาร

     แล้วมันก็เรียนจบจริงๆ ได้ทำงานธนาคารจริงๆ
ตามที่มันได้ใฝ่ฝันเอาไว้ การงานเจริญก้าวหน้าดี
จนกระทั่งมันได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นรองผู้จัดการ

     วันนั้นมันได้กลับมาที่บ้าน พร้อมรถหรูหราทีเดียว
ขับวนรอบอำเภอ อยู่หลายรอบด้วยความ
ภูมิใจ ก่อนที่จะเข้าบ้านไปหาพ่อของมัน
พอเข้าไปในบ้านก็ก้มลงกราบแทบเท้าพ่อ

     "ลูกต้องขอโทษพ่อด้วยนะครับ ที่โกหกตลอดมา
แล้วแอบไปเรียนอย่างอื่น ไม่ใช่เกษตรกรรม   
อย่างที่พ่อหวังไว้"

     "เออ ไม่เป็นไรหรอกลูกเอ้ย....  ทุกคนนั้นเกิดมาแล้ว
ย่อมมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตนเอง ชอบอะไร
อยากทำอะไร พ่อก็ไม่ว่าอะไรหรอก ขอให้เอ็งเรียน
จบมาทำงานทำการเป็นคนดีของสังคมก็แล้วกัน"

..........*-*..........

เริงอักษร
        ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๑            


บันทึกการเข้า

ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 23083
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,951
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2561, 03:19:18 PM »

Permalink: Re: ..ต้นไม้ของพ่อ..



                              บทที่ ๒

     เย็นวันนั้น ไอ้ตึ๋งมันพาพ่อไปกินอาหารในตัวเมือง
พร้อมโทรไปตามเพื่อนๆทุกคนไปกินด้วย
เพราะจากการที่จากบ้านไปนาน เลยคิดถึงเพื่อนๆ
สมัยวัยเยาว์ทุกๆคน อยากพบปะสังสรรค์หน่อย
รวมทั้งผมด้วย "ไอ้ต่าย" เพื่อนเกลอสมัยยังเด็ก
ไปไหนไปกัน ลุยไหนลุยกัน โดดเรียนก็โดดด้วยกัน
แฮะ ๆๆๆๆ อันนี้ไม่ดีนะคับ  แต่วัยเด็กนั้น เราเห็น
เป็นเรื่องสนุกสนาน ไม่ได้คิดอะไรตามประสาเด็ก
 
     แต่ตอนนี้สิ ผมกลับเคี่ยวเข็ญไอ้ลูกไม่รักดี
ให้ไปโรงเรียน คิดแล้วก็น่าขำ เด็กสมัยนี้ต้องเข้าเรียน
ตั้งแต่ชั้นอนุบาล สมัยตัวเราเองยังวิ่งโทงๆ
เล่นกระโดดน้ำกันอยู่เลย เฮ้อ น่าสงสาร วิวัฒนาการ
และเทคโนโลยีสมัยนี้มันไปเร็วเสียเหลือเกิน
ใครมัวช้าอยู่ล่ะก็ ตามไม่ทันแน่นอน ทุกอย่างเลย
ตั้งแต่ อาหารการกิน ที่อยู่อาศัย การศึกษา การทำสวน
ทำไร่ อุตสาหกรรม ต้องพึ่งเทคโนโลยีทั้งนั้น

     คืนวันนั้น ก่อนจะลาจากกัน ด้วยว่าเช้าวันรุ่งขึ้น
ไอ้ตึ๋งมันต้องกลับกรุงเทพฯ ไปทำงาน และบอก
กับผมว่า "รออีกนิด กำลังทำเรื่องขอย้ายมาอยู่ที่อำเภอ
จะได้พบปะสังสัรรค์กันได้ทุกวัน" แล้วก็ถาม
ผมว่า "น้องแตงโม" เป็นไงบ้าง ไปเรียนต่อที่ไหนเหรอ
ไม่เห็นเลยตั้งแต่กลับมา

     อ้อ...ผมลืมบอกไปว่า ไอ้ตึ๋งมันรักและชอบ
น้องแตงโมมาตั้งแต่ก่อนจบ ม.ปลาย จีบกันมานาน
ก็ผมนั่นแหละคอยเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้
เพราะน้องแตงโมนั้น เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง

     "น้องแตงโมนั่นเหรอว่ะ ข้าเสียใจด้วยว่ะ
โดนปลัดหนุ่มที่เพิ่งมาอยู่ที่นี่โฉบไปกิน ซะแหล่วล่ะ
มึงเอ้ยยย  ก็มึงเล่นไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลยนี่หว่า
เห็นน้องแตงโมมาบ่นกับข้าแกร่วๆ อยู่หลายครั้ง
ไอ้ครั้นข้าเองก็ติดต่อกับแกไม่ได้ เลยไม่รู้จะบอกข่าว
ได้อย่างไร พอดีเจอปลัดหนุ่มที่มาอยู่ใหม่จีบ
ทั้งหล่อ ทั้งรวย จีบเช้า จีบเย็น แม่นางเลยใจอ่อน เฮ้อ
นี่ถ้าแตงโมมันรู้เข้าว่าแกกลับมา คงเสียใจอยู่
ไม่ใช่น้อยเลยล่ะ เฮ้อ.."

     ไอ้ตึ๋ง หน้าสลดลงทันใด ท่าทางมันคงเสียใจมาก
หลังจากนั้นมันก็ไม่พูดอะไรกับผมอีกเลย
จนถึงเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ จึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน

     หลังจากนั้นมันก็หายหัวไปเลย สงกะสัย
อกหักอย่างแรง อุตส่าห์กลับมาพร้อมความโอ่อ่า
หวังว่าจะมาขอสาวที่มันรักแต่งงานด้วย งานนี้เลย
กินแห้วไปตามระเบียบ ทำไงได้ล่ะ ต้องโทษมันเอง
ที่มุ่งแต่จะสร้างฐานะให้สาวเห็น แต่ไม่ยอม
ติดต่อหล่อนบ้างเลย ความผิดของมันเพียวๆเลย

     หนึ่งปีผ่านไป ไอ้ตึ๋งมันก็กลับมา ร่างกายซูบผอม
เหมือนอดหลับอดนอน หมดสง่าราศีไปเลย
ได้ข่าวว่า มันลาออกจากธนาคารแล้ว จะกลับมา
อยู่ที่บ้าน ผมจึงรีบไปหามัน เพื่อถามไถ่ สาระทุกข์
สุกดิบว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะเพื่อนซี้เก่าแก่

     "ไอ้ตึ๋ง...ไอ้ตึ๋งโว้ยยยยย  อยู่ไหม ข้ามาหาว่ะ"

     "ใครกันน่ะ มาตะโกนโหวกๆ หน้าบ้าน"

    เสียงของพ่อมันตะโกนสวนออกมา ทำเอาเรา
ยิ้มปู้เลี่ยนๆ แล้วก็ตอบไปว่า

     "ผมเองครับพ่อ ไอ้ต่าย ได้ข่าวว่า ไอ้ตึ๋ง
      มันกลับมาแล้ว คิดถึงมันเลยมาหาครับ"

     "อ้อ  พ่อต่ายเร้อ... เข้ามาๆสิลูก ไอ้ตึ๋งตั้งแต่มันกลับมา
      ก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมคุย ไม่ยอม
      ออกไปไหนเลย พ่อต่ายมาก็ดีแล้ว เข้ามาคุย
      กับมันหน่อยสิ "

     "ครับพ่อ"

     สภาพที่ผมได้เห็น หลังจากที่เดินขึ้นไปบนห้องของ
ไอ้ตึ๋ง ก็ตกใจ อะไรว่ะ ผมยาวประบ่า หนวด
เคราไม่ยอมโกน รกรุงรังไปหมด

..........*-*..........

เริงอักษร
๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑

บันทึกการเข้า

ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 23083
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,951
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« ตอบ #2 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2561, 12:01:46 AM »

Permalink: Re: ..ต้นไม้ของพ่อ..



                               บทที่ ๓     

     "เฮ้ย ไอ้ตึ๋ง ไปทำอะไรมาว่ะ ทำไมถึง
      ปล่อยเนื้อปล่อยตัวซอมซ่ออย่างนี้"

     "ต่ายเหรอ"

     "เออ ข้าเอง เป็นอะไรไปว่ะ เห็นพ่อเอ็งบอก
      ตั้งแต่กลับมาไม่พูดไม่จากับใครเลย"

     "เซ็งชีวิตว่ะ"

     "เซ็งอะไรกันนักกันหนาว่ะ"

     "ก็มึงคิดดูสิ ข้าอุตส่าห์หางานดีๆทำ
      มีหน้ามีตา หวังจะมาขอน้องแตงโมแต่งงาน
      ก็แห้ว งานที่ทำก็เลยไม่มีกะจิตกะใจ
      จะทำแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม เพื่อใคร
      เพื่ออะไร แล้วอีกอย่างนะ สมัยนี้การเป็น
      ผู้ช่วยผู้จัดการไม่ได้ง่ายเลย ต้องทำโน่น
      ทำนี่ ทำเป้าลูกค้า ต้องขายประกัน
      ต้องขายกองทุน ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องโดนปลด
      จากตำแหน่ง ให้คนอื่นขึ้นมาแทน ข้าเบื่อว่ะ
      ตอนนี้ก็โดนปลดจากตำแหน่งลงมา
      แล้วลูกน้องขึ้นนั่งตำแหน่งแทน มันใช้ข้า
      อย่างกับหมูกับหมา ไม่รู้ว่ามันไปโกรธ
      อะไรมา ทั้งๆที่ตอนที่ข้าเป็นหัวหน้า
      ข้าก็ดีกับทุกคน ข้าเลยทนไม่ไหวว่ะ
      ลาออกมาแล้ว หวังกลับมาเป็น
      ชาวสวนตามที่พ่อหวังเอาไว้ดีกว่า
      แต่ตอนนี้ขอพักหน่อยว่ะ"

     "เออๆ ดี ว่ะ ข้าสนับสนุน รู้ไหมตั้งแต่เอ็ง
      จากไปทำงานเป็นนายธนาคาร พ่อเอ็ง
      ก็ออกอาการซึมๆตลอดเวลา พ่อเอ็งหวัง
      กับเอ็งไว้มากนะ ที่จะให้สืบทอด
      ความเป็นชาวสวน อย่าคิดอะไร
      มากเลยว่ะเพื่อน เมื่อตั้งใจกลับมาแล้ว
      ก็มาช่วยพ่อทำไร่ทำสวนตามเจตนารมณ์
      ของพ่อเอ็งเถอะว่ะ ส่วนเรื่องน้องแตงโม
      ก็อย่าไปเสียใจให้มากเลย น้องเขาก็ออกเรือน
     ไปได้ดิบได้ดีแล้ว หาเอาใหม่เถอะว่ะ"

     "เออๆ ขอบใจมากเพื่อน สอนข้าซะ
      อย่างกะเป็นพ่อซะงั้น"

    "ก็เราเพื่อนกันนี่หว่า ทนเห็นเพื่อน
     เป็นอย่างนี้ไม่ได้ นี่พ่อเอ็งก็ขอร้องให้ข้า
     มาคุยกับเอ็ง หวังว่าจะดีขึ้น เพราะเป็นเพื่อนรัก
     เพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ยังแก้ผ้าเล่นน้ำคลอง"

     "ขอเวลาข้า สักพักเถอะ ตอนนี้
      ยังทำใจไม่ได้เลยว่ะ"

     "เออ อย่าให้นานนักล่ะ เวลา ไม่เคยคอยใคร
      นะเพื่อน ข้าสงสารพ่อเอ็งว่ะ"

      หลังจากกินข้าวเย็นกับมันวันนั้น ผมก็กลับบ้าน
แต่ก่อนกลับก็ยังย้ำกับมันว่า ทำใจไวๆเน้อ...
แล้วกลับมาเป็นชาวสวนกัน สบายใจ
เป็นเจ้านายตัวเอง ไม่ต้องรับคำสั่งใคร
ข้ากลับก่อนล่ะนะ

     สองอาทิตย์ให้หลัง ผมก็เห็นมันอยู่ในสวน
กับพ่อมันทุกวัน ดูหน้าตาพ่อยิ้มแย้มแจ่มใส
เดินพูดคุยกับลูกชายสุดที่รัก หัวแก้วหัวแหวน
ตลอดทั้งวัน

     "พ่อครับ ผมขอโทษด้วยที่ทำให้พ่อเสียใจ
     ไม่ได้ไปเรียนการเกษตร อย่างที่พ่อหวังไว้
     ทีแรกผมมองว่ามันเป็นงานไม่มีเกียรติ
     อยู่กลางดินกินกลางทราย ท้องไร่ท้องนา
     อยากให้พ่อภูมิใจมีลูกเป็นเจ้าคนนายคน
     ทำงานหรูๆ มีหน้ามีตา"

     "ไม่เป็นไรหรอกลูก ฟังพ่อน่ะ ความต้องการ
       ของคนเรานั้น ในแต่ล่ะช่วงเวลาย่อม
       แตกต่างกันไปแล้วแต่ใครอยากจะคิด
       อยากจะเป็น ห้ามกันไม่ได้หรอกลูก
       ดูอย่างพ่อสิลูก เกิดมาเป็นชาวไร่ชาวสวน
       ตั้งแต่กำเนิด มีความสุขอยู่กับมัน
       ใครเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม"

     "แล้วทำไม พ่อไม่คิดจะทำอย่างอื่น
      บ้างเลยเหรอครับ"

     "ไม่ล่ะ พ่อสืบเชื้อสายมาจากชาวสวน
       มีพื้นฐานแน่นหนาสืบต่อๆกัน จากรุ่นสู่รุ่น
       ทำให้พ่อได้เรียนรู้อะไรๆ มามากมาย
       มานี่สิ....ดูต้นมะม่วงต้นนี้ แล้วลองทายว่า
       อายุเท่าไหร่"

     "ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก อายุน่าจะเกิน
      ยี่สิบปีขึ้นไปนะครับพ่อ"

     "ใช่ ยี่สิบกว่าปีแล้ว พ่อปลูกไว้ตอนลูกเกิด
      ต้นเก่ามันแก่มากแล้วตอนที่
      พ่อของพ่อปลูกไว้ ก่อนที่พ่อเองจะตัดทิ้ง
      ได้เก็บเฉพาะลูกที่สุกงอมคาต้น
      มาเพาะชำไว้ คัดเอาที่ผลสวยงามลูกใหญ่
      มาลงไว้ได้ทั้งหมด สามสิบต้น เป็นมะม่วง
      อกร่องพันธุ์โบราณที่สืบทอดต่อกันมา"

     "นั่นสิครับ ทำไมพ่อไม่ปลูกพันธุ์
      อื่นๆบ้างล่ะครับ"

     "ไม่หรอกลูก พันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์มรดก
      สืบทอดต่อๆกันมา พ่อรับมาจากพ่ออีกที
      รวมทั้งความรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมะม่วง
      สายพันธุ์นี้ ทั้งการให้น้ำ การใส่ปุ๋ย
      การพรวนดิน การตัดแต่งกิ่ง ระยะห่าง
      ในการปลูก เป็นมรดกทางความรู้ทั้งหมด
      ที่พ่อได้มา"

     "โอ้โหพ่อ อย่างงั้นเลยเหรอ เมื่อก่อนพ่อ
      ไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลย"

     "พ่อกะไว้ว่าจะเล่าให้ฟัง หลังจากลูก
      เรียนจบแล้วกลับมารับมรดกชาวสวน
      จากพ่อนะสิ"

     "ต้องขอโทษด้วยครับ
      ที่ผมทำให้พ่อผิดหวัง"

     "ผิดหวังตรงไหนล่ะ ตอนนี้แกก็กลับมารับ
      มรดกจากพ่อแล้วไง อย่าคิดมากนะลูก"

     "ผมเสียใจจริงๆครับพ่อ
      ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง"

     "คนเรานะลูก จะทำอะไรนั้นต้องมี
      ความตั้งใจให้มั่น เรียนรู้ให้จริง ลงมือทำ
      ด้วยตัวเองก่อน ถึงจะไปสอนหรือบอกคนอื่นได้
      งานทุกอย่างต้องหมั่นให้ความสนใจเรียนรู้มัน
      แล้วลูกก็จะประสบความสำเร็จได้ทุกอย่าง
      ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร"

     "ครับพ่อ ผมจะจำคำสอนของพ่อไว้"

..........*-*..........

เริงอักษร
๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑

บันทึกการเข้า

ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 23083
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,951
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« ตอบ #3 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2561, 10:02:10 PM »

Permalink: Re: ..ต้นไม้ของพ่อ..



                         บทที่ ๔

     หลังจากนั้นทุกวันผมก็เห็นไอ้ตึ๋ง ตื่นแต่ไก่โห่
แล้วเดินตามพ่อเข้าไปในสวน ขลุกกันอยู่ทั้งวัน
มีรอยยิ้มแห่งความสุข ทั้งพ่อทั้งลูก
 
     "เฮ้ย ไอ้ตึ๋ง เป็นไงบ้างว่ะ ชีวิตชาวสวน"

     "ดีว่ะ รู้งี้ข้าไม่ไปเสียเวลาที่กรุงเทพฯ
      ซะตั้งหลายปี กลับมาอยู่ที่นี่สบายใจ
      สบายกาย ไม่ต้องคอยไปเสนอหน้าเจ้านาย
      ที่ไหน เสนอหน้าให้พ่อเห็นก็พอ 5 5 5 5"

     "เออๆ  ดีใจด้วยว่ะ แล้วก็ดีใจแทนพ่อเอ็งด้วยว่ะ
      ได้ลูกชายกลับคืนมาแล้ว อย่าหักโหมให้มาก
      นักล่ะ ค่อยเป็นค่อยไปนะโว้ยยยย
      เดี๋ยวข้าตามไม่ทัน"

     "รับรองเอ็งตามไม่ทันแน่ พ่อข้าเป็นกุนซือ
      ระดับมหากาฬเชียวนะโว้ย ปลุกข้า
      ตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน"

     ต่อมาผมก็เห็นไอ้ตึ๋ง เพาะพันธุ์มะม่วงเพิ่มอีก
จาก 30 สิบต้น เป็น 100 แล้วก็เป็น 200 ต้น
ทุกต้นงอกงาม ลำต้นสวย ใบเขียวชะอุ่ม
ตลอดทั้งปี

     พอย่างเข้าปีที่ห้า มะม่วงทั้งสวนก็ให้ผลผลิต
เต็มที่ ทั้งลูกใหญ่ ทั้งหวานหอม เป็นที่รู้กันดีใน
อำเภอนั้น ไม่มีมะม่วงที่ไหนอร่อยเกิน
สวนของไอ้ตึ๋ง

     จนโรงงานส่งออกมาติดต่อขอเหมาสวน
เพื่อส่งออก ทำสัญญากัน 5 ปี เงินทองก็
ไหลมาเทมาสิครับงานนี้ ทั้งไอ้ตึ๋งกับพ่อของมันงี้
ยิ้มกันแก้มบาน เห็นแล้วอิจฉา

     "เฮ้ย ไอตึ๋ง ปีนี้จะส่งมะม่วงที่สวนเอ็ง
      เข้าประกวดไหมว่ะ ข้าว่าต้องได้ที่หนึ่งแน่ๆ
     ไม่มีใครสู้มะม่วงสวนเอ็งได้หรอก"

     "ข้าบอกพ่อแล้วว่ะ ว่าจะส่งมะม่วงที่สวน
      เข้าประกวดปีนี้ พ่อบอกข้าว่า ถ้าอยากจะส่ง
      ประกวดก็เอา แล้วให้ข้าเขียนตำรา
      การเพาะเลี้ยงไปแจกในงานด้วยว่ะ"

     "ก็ดีนะสิ เป็นวิทยาทานให้คนอื่นด้วย ได้บุญ"

     "ดีกับผีนะสิ เดี๋ยวคนอื่นก็ปลูกตามอย่างหมด
      ข้าจะไปขายใครว่ะ"

     "เออ จริงว่ะ แล้วเอ็งตอบพ่อว่ายังไงล่ะ"

     "ข้าก็บอกพ่อ อย่างที่บอกกับเอ็งนี่แหละ
      รู้ไหม? พ่อตอบข้าว่าอย่างไร?"

     "นั่นสิ บอกว่าไงล่ะ"

     "พ่อบอกว่า อย่าเป็นคนใจแคบ
      รู้จักแบ่งปันกัน ไม่เห็นแก่ตัว เพื่อรักษา
      พันธุ์มะม่วงที่เป็นมรดกตกทอดมา
      ไม่ให้สูญหาย นี่ นี่ พ่อบอกอย่างนี้"

     "ก็จริงของแกนะ แต่ว่าปลูกกันมากๆ
      ราคาก็ตก แล้วจะไปขายที่ไหนกัน"

     "พ่อบอกข้าว่า เราเป็นจุดเริ่มต้นที่
      จุดประกายให้กับชาวบ้านในถิ่นนี้
      เราก็ต้องหาวิธีให้ได้สิ  พ่อข้าแนะนำว่า
      ให้ไปปรึกษาเกษตรอำเภอ ว่าจะทำ
      การตลาดอย่างไร พ่อข้านี่หางาน
      ให้ข้าอีกแล้ว แต่ก็ดีนะพันธุ์มะม่วง
      ของพ่อข้า คราวนี้ก็จะได้มีคน
      มาช่วยสืบต่ออีกเพียบเลย"

     "อนุโมทนา สาธุว่ะเพื่อน บ้านเราจะได้
      กินดีอยู่ดีกันสักที เห็นบางคนทำสวน
      มาตลอดชีวิต ยังลืมตาอ้าปากไม่ได้เลย
      ถือว่าเป็นวิทยาทาน ได้บุญนะเพื่อน"

     "เออๆ ข้าจะพยายามว่ะ"

     ภายในงานประกวดผลไม้ ไอ้ตึ๋ง หรือ
นายภาคภูมิ เดินขึ้นไปรับรางวัลจากมือ
นายอำเภอ แหม๋ เพื่อนเรามันเท่ จริงๆ พ่อมัน
ยืนตบมือให้ข้างเวที ยิ้มแก้มแทบปริ
สงสัยงานนี้ภูมิใจกับมันมาก

     "ขอเรียนเชิญ ท่านนายอำเภอ กล่าวอะไร
      สักหน่อยครับ" เสียงจากมัคนายก
      พูดผ่านไมค์

     "ฮัลโหล ฮัลโหล เทสๆ ผมรู้สึกยินดีและ
เป็นเกียรติมากครับที่ได้ขึ้นมามอบรางวัลให้กับ
ผู้ชนะเลิศการประกวดผลไม้ของอำเภอประจำปีนี้
ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งคือ…. นายภาคภูมิ
สื่อพิทักษ์ จากผลไม้ที่นำเข้าประกวดคือ
มะม่วงอกร่อง ขอแสดงความยินดีด้วยคับ"

(โปรดติดตามตอนจบ)

เริงอักษร
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑

บันทึกการเข้า

ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 23083
เหรียญรางวัล:
ผู้ดูแลเว็บนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลบอร์ดนักเโพสดีเด่นมีความคิดสร้างสรรค์
กระทู้: 1,951
ออฟไลน์ ออฟไลน์
รักทุกคนที่รักเรา รักทุกคนที่เรารัก
   
« ตอบ #4 เมื่อ: 29 กรกฎาคม 2561, 11:39:04 PM »

Permalink: Re: ..ต้นไม้ของพ่อ..



                            บทที่๕

     "ขอเรียนเชิญ นายภาคภูมิ สื่อพิทักษ์
      ขึ้นมารับรางวัลจากท่านนายอำเภอ พิษณุ
      ด้วยครับ" เสียงจากมัคนายก ประกาศเรียก

     เสียงตบมือดังกระหึ่มไปทั้งงาน เมื่อไอ้ตึ๋ง
ก้าวขึ้นไปรับโล่รางวัลจากมือท่านนายอำเภอ
ผมเองก็รู้สึกยินดีไปกับมันด้วย ที่มันไม่ต้อง
เสียผู้เสียคนจากการอกหักและตกงาน

     "ต่อไปขอเชิญคุณภาคภูมิ กล่าวอะไร
      สักนิดหน่อยนะครับ กับรางวัลที่ได้รับ"
      เสียงจากมัคนายก

     "ผมขอขอบคุณทุกๆท่านครับที่อยู่ในงาน
      การประกวดครั้งนี้ ก่อนอื่นต้องขอ
      ขอบคุณพ่อของผมที่ทำทุกสิ่งทุกอย่าง
      เพื่อผมตลอดมา รวมทั้งสอนวิธีการทำสวน
      ให้กับผม ตั้งแต่เพาะพันธุ์ ปลูก ใส่ปุ๋ย
      ใส่น้ำ การตัดแต่ง ทุกอย่างท่านเป็น
      ผู้ถ่ายทอดให้กับผมทั้งหมด ซึ่งผมขอเรียก
      ความสำเร็จในครั้งนี้ว่า ต้นไม้ของพ่อ  
      เพื่อเป็นเกียรติให้กับท่านครับ ถ้าไม่มี
      พ่อคนนี้คงไม่มีผมในวันนี้ครับ
      ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับ"

      เสียงตบมือดังขึ้นอีก คราวนี้ยาวนานกว่าเดิม
ทุกคนมองเห็น ไอ้ตึ๋ง เพื่อนของผมเดินลงมา
จากเวที ไปหาพ่อของมันที่นั่งเชียร์อยู่ติดขอบเวที
พร้อมกับก้มลงกราบแทบเท้าพ่อ

     "ผมทำสำเร็จแล้วคับพ่อ ต้นไม้ของพ่อ
      เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปแล้ว"

     "ลูกเอ๋ย อันที่จริงนั้น ต้นไม้ของพ่อ
      คือตัวลูกนั่นเอง ไม่ใช่มะม่วงอกร่องหรอกนะ
      ทุกสิ่งที่พ่อทำ คือการสอนให้ลูกรู้จักอดทน
      เรียนรู้ และแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิต
      คนเรานั้นผิดพลาดกันได้ แต่ทว่า
      เมื่อพลาดแล้ว ต้องลุกขึ้นสู้ อย่าท้อถอยต่อ
      อุปสรรคที่ขวางหน้า เพราะว่าชีวิตคนต้อง
      ดำเนินต่อไป"

     ไอ้ตึ๋งน้ำตาซึม แล้วก็รู้ได้ว่า เรานี่เองคือ
"ต้นไม้ของพ่อ" ไม่ใช่มะม่วงอกร่องสักหน่อย
ที่พ่อเคี่ยวเข็ญสั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่างเพราะว่า
เราคือสายพันธุ์ของพ่อที่ต้องเจริญงอกงาม
ต่อไปข้างหน้า นั่นเอง

     "พ่อครับ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว พ่อช่วยหา
      แม่พันธุ์ใหม่ให้ผมด้วยสิครับพ่อ"

     "แล้วเอ็งมองใครไว้หรือยังล่ะ"

     "มองไว้แล้วครับพ่อ"

     "ใครกันว่ะ บอกพ่อหน่อยซิ"

     "ลูกสาวนายอำเภอครับพ่อ เห็นแล้วปิ๊งเลย
      เธอก็มองผมไม่ละสายตาเหมือนกันครับ"

     "อ้อ ได้เลย แต่พ่อว่า แกคงต้องเพาะแล้ว
      ปลูกมะม่วงเพิ่มขึ้นให้มากกว่านี้ว่ะ"

      สองคนพ่อลูกกอดกันหัวเราะร่า ผมเอง
ก็พลอยหัวเราะไปกับเขาด้วย 555

...จบบริบูรณ์...

เริงอักษร
๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑


บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: