-/> ภัยหึงโหดยุคชู้ทางไลน์-กิ๊กทางเฟซฯ..ถูกจับได้ เสี่ยงตายโหง!

You are here: Khonphutorn.com - แหล่งข้อมูลของคนไทยหมวดความบันเทิงเรื่องเล่าดีดี (ผู้ดูแล: หนุ่มภูธร ณ ลุ่มน้ำป่าสัก)ภัยหึงโหดยุคชู้ทางไลน์-กิ๊กทางเฟซฯ..ถูกจับได้ เสี่ยงตายโหง!
หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ภัยหึงโหดยุคชู้ทางไลน์-กิ๊กทางเฟซฯ..ถูกจับได้ เสี่ยงตายโหง!  (อ่าน 2167 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,135
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 18 ธันวาคม 2556, 08:02:47 AM »

Permalink: ภัยหึงโหดยุคชู้ทางไลน์-กิ๊กทางเฟซฯ..ถูกจับได้ เสี่ยงตายโหง!

.


.
ภัยหึงโหดยุคชู้ทางไลน์-กิ๊กทางเฟซฯ..ถูกจับได้ เสี่ยงตายโหง!


ทุกวันนี้ ใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง หึงโหดมีเยอะขึ้น
โดยเฉพาะพิษรักแรงหึงในยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไม่ว่าจะเป็นไลน์ เฟซบุ๊ก หรือแม้แต่อินสตาแกรม
มีให้เห็นจากข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ และสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับคนตายจากกรณีนี้หลายต่อหลายศพแล้ว
ซึ่งนับวันจะยิ่งน่ากลัว และสยดสยองมากขึ้น…

พิษรักแรงหึง..แค้นนี้ถึงตาย
ในยุคโลกออนไลน์ ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีข่าวในระดับสยดสยองให้อ่าน และดูกันบ่อยขึ้น
โดยเฉพาะข่าวแรงรักแรงแค้นที่มีการนำเสนอความสะเทือนใจอยู่เรื่อย ๆ ยิ่งพักหลัง ๆ มานี้
 แทบจะทุกวันจนใครหลายคนเริ่มชินชากับข่าวประเภทนี้ไปแล้ว

ล่าสุดกับคลิปสะเทือนใจ หนุ่มหึงโหด ยิงว่าที่ภรรยาและแม่ยายดับ ก่อนเต้นเยาะเย้ย
ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักที่ไม่ลงตัว และเป็นเหตุให้ชายคนหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงว่าที่เจ้าสาว
และแม่ยายของตัวเอง ท่ามกลางผู้เห็นเหตุการณ์อีก 2 คน

โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกได้เป็นภาพที่ค่อนข้างโหดร้าย และรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดชลบุรี
ในร้านแต่งรถ ชายสวมหมวกใส่เสื้อสีขาว กำลังพูดคุยกับว่าที่แม่ยาย จู่ๆ ก็ชักปืนยิงว่าที่ภรรยาของตนเอง
ที่กำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ เสียชีวิต หลังจากนั้นเดินออกมาจากร้านแล้วทำท่าทางที่ไม่รู้สึกอะไร
 อารมณ์ดี เหมือนเป็นการเยาะเย้ยอะไรทำนองนั้น

ทั้งนี้ เมื่อคลิปยิงแฟนสาวและแม่ยาย ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเลือดเย็นของมือปืน
 และอยากให้ตำรวจรีบจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอด
ถูกรวบตัวที่ช่องโนนหมากมุ้ย อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ขณะเตรียมหลบหนีข้ามไปกัมพูชา

อย่างไรก็ดี หลังการสอบสวนมือปืนหึงโหดรายนี้ พบว่า ต้นเหตุสำคัญมาจากการหึงหวงที่ฝ่ายหญิงชอบเล่นไลน์
และเฟซบุ๊กกับชายอื่นซึ่งเป็นเพื่อนของฝ่ายชาย ส่วนที่ยิงว่าที่แม่ยายเพราะชอบยุให้ลูกสาวเลิกกับตน
และที่เต้นส่ายก้นนั้นไม่ใช่เพราะอยากเป็นข่าว ไม่รู้ว่ามีกล้องวงจรปิด
แต่เป็นความรู้สึกโล่งอกที่สามารถยุติปัญหาเรื่องความรักกับครอบครัวนี้ได้เสียที

ไม่เพียงแต่คดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชนคดีนี้แล้ว ยังมีคดีหึงแล้วฆ่า
 โดยมีต้นเหตุมาจากโซเชียลเน็ตเวิร์กอีกหลายคดี

ยกตัวอย่างคดีที่เป็นข่าวดัง เมื่อเดือน ก.ค.53 หากใครจำกันได้ กรณีหนุ่มใหญ่เมืองชลบุรี หึงเมีย
คุยเฟซบุ๊กกับชายอื่น คว้าปืนยิงเสียชีวิต ก่อนยิงตัวตายตาม โดยก่อนเกิดเหตุ ฝ่ายสามี
 มีปากเสียงทะเลาะกับภรรยาอย่างรุนแรง เนื่องจากขณะที่กำลังนั่งเล่นเฟซบุ๊กอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับเพื่อนชาย
ฝ่ายสามีเดินมาเห็นจนเกิดอาการหึงหวง เป็นเหตุให้ลงมือยิงภรรยาตัวเองก่อนยิงตัวตายตามในที่สุด

ไม่เพียงแต่คู่รักชายหญิงเท่านั้น คู่รักเพศเดียวกัน ยังมีกรณีข่าวหึงโหดด้วย
ซึ่งหลายคนมองว่ามีมากกว่าคู่ชายหญิงด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้ มีข้อมูลจากโครงการกัลยาสโมสร
แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.)
อธิบายไว้ว่า อารมณ์หึงหวงที่รุนแรงนั้น ขึ้นอยู่กับนิสัยของแต่ละบุคคล ไม่ได้จำกัดเฉพาะคู่ที่รักเพศเดียวกันเท่านั้น

อย่างไรก็ดี แม้จะไม่มีหน่วยงานที่เก็บตัวเลขสถิติไว้ชัดเจนเกี่ยวกับการหึงหวงแล้วใช้ความรุนแรง
 หรือฆ่ากันจนตาย แต่การรับแจ้งเหตุในเรื่องการทำร้ายร่างกายที่มีสูงอย่างต่อเนื่อง
และจากข่าวหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์มักรายงานมาอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งเรื่องเป็นอย่างต่ำว่ามีเหตุจากความหึงหวง

ไลน์ เฟซบุ๊ก ตัวกระตุ้นแรงหึงโหด
แม้ใครหลายคนจะมองว่า อาการหึงหวงเป็นเรื่องธรรมดาของคนรักกัน แต่ทุกวันนี้รักแล้วฆ่า
 หึงแล้วฆ่าไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้อีกต่อไป ยิ่งในยุคที่รักง่ายหน่ายเร็ว โดยมีสะพานเชื่อมความสัมพันธ์รักอย่างไลน์
หรือเฟซบุ๊กเข้ามากระตุ้นแรงหึงหวงจนเป็นแรงหึงโหด ดังที่ยกตัวอย่างจากข่าวในข้างต้น
นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงในสังคมอย่างมาก

เรื่องนี้ ไม่ได้เอ่ยขึ้นลอย ๆ แต่มีงานวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ แสดงให้เห็นว่า
เฟซบุ๊กมีส่วนสำคัญในการทำลายความรักความสัมพันธ์ หลังจากที่ รัซเซล เคลย์ตัน
บัณฑิตวิทยาลัยวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งมิสซูรี่พบว่า ยิ่งใช้เวลากับเฟซบุ๊กมากขึ้นเท่าไร
 เฟซบุ๊กก็จะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งบางครั้งก็ยังส่งผลกระทบทางลบทั้งในด้านอารมณ์และร่างกายด้วย
 อย่างเช่น ปัญหาเรื่องการนอกใจ เลิกรา หรือหย่าร้าง

“คู่รักที่เล่นเฟซบุ๊กมักจะเข้าไปสอดส่องติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ บนหน้าเพจของแฟนตัวเองเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้เกิดอารมณ์ระแวง หึงหวง และนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งในที่สุด”
นี่คือผลสรุปจากการทำวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนเล่นเฟซบุ๊กที่มีอายุระหว่าง 18-82 ปี

นอกจากนี้ การวิจัยยังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่า ผู้ที่เล่นเฟซบุ๊กมากเกินไปมีแนวโน้มที่จะติดต่อหรือสานสัมพันธ์กับแฟนเก่ามากกว่า
 ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าในเฟซบุ๊กก็ตาม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหลาย ๆ คน
ยังคงเข้าไปวนเวียนอยู่ในหน้าเพจหรือติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขาอยู่สม่ำเสมอ
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการคิดนอกใจขึ้นได้

ขณะเดียวกันเฟซบุ๊กยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ระยะเวลาในการคบหากันของแต่ละคู่ลดลง
 โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 ปีหรืออาจจะน้อยกว่านั้น ในทางตรงกันข้ามคู่รักที่มีระยะการคบหามากกว่า 3 ปีขึ้นไปนั้น
กลับเป็นกลุ่มที่เล่นเฟซบุ๊กน้อย หรือแทบไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กเลย
อีกทั้งคู่รักกลุ่มนี้ยังมีความรักความสัมพันธ์ที่มั่นคงแข็งแรงกว่าด้วย

หึงแล้วฆ่า เรื่องน่าห่วงสังคมไทย
ทุกวันนี้รักแล้วฆ่า หึงแล้วฆ่า เป็นเรื่องที่มีข่าวให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมถี่ขึ้น เรื่องนี้ อภิชา ฤธาทิพย์
นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการ สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต เคยสะท้อนผ่านงานเขียนเรื่องความหึงหวง
จนถึงขั้นทำร้ายร่างกายว่า ความหึงหวงเป็นเสี้ยวหนึ่งของความรัก ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรัก
 แต่ความหึงหวงที่สร้างปัญหา ดังตัวอย่างสำนวนสำหรับผู้หญิง
“เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร”
สำหรับผู้ชาย
 “ของของข้าใครอย่าแตะ”
โดยความรู้สึกข้างต้นนี้ ต่างจากที่เริ่มทำความรู้จักกันหรือจีบกันใหม่ ๆ แต่เป็นความรู้สึกของความเป็นเจ้าของชีวิต
ที่จะเกิดขึ้นเสมอจากความสัมพันธ์ทางเพศที่มีจริงหรือกำลังจะมี อย่างหนัง ละคร นิยายหลาย ๆ เรื่อง
มีฉากหรือการแสดงความรู้สึกนี้เป็นส่วนใหญ่ นอกเหนือจากความรักหนุ่มสาว
จึงแสดงให้เห็นว่าความหึงหวงนั้นมีมานานแล้วในสังคมไทย สะท้อนมาจากชีวิตที่พบเห็นกันได้หรือรับรู้มาจากหลาย ๆ ช่องทาง
ดังสำนวน
“ความรักทำให้คนตาบอด”
หากมองลึกลงไปถึงความหึงหวงในทางจิตวิทยาแล้ว เป็นสภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นท่ามกลางความสงสัย
ความระแวง ความวิตกกังวล และความกลัว ว่าบุคคลที่ตนเองนั้นผูกพันจะต้องอยู่ และรักษาเอาไว้ ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นของผู้อื่น
 ความหึงหวงนี้จึงเป็นความรู้สึกด้านลบของจิตใจ ซึ่งบั่นทอนความสัมพันธ์กับคนรัก
และเพิ่มความเกลียดชังให้กับผู้มาสนิทสนม ภาษาจิตวิทยาเรียกว่า ความหึงหวงที่สร้างปัญหา
(non-romantic jealousy; White and Mullen, 1989)

แต่หากมองในอีกแง่มุมหนึ่งจะพบว่าความหึงหวงเป็นส่วนดีที่แสดงถึงความรัก ความเอาใจใส่คนรัก
ความหึงหวงที่มีอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ความสัมพันธ์มั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้ (Pines, 1998)
 อีกทั้งปกป้องความรักไม่ให้เกิดการนอกใจได้ด้วย (Buss, 2000) ภาษาจิตวิทยาเรียกว่า
ความหึงหวงที่สร้างบรรยากาศ (romantic jealous; White, 1981)

ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาดังกล่าว อภิชา เขียนบอกแนวทางไว้ว่า ควรพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักคู่ครองเข้าใจผิดจนหึงหวง
การลดพฤติกรรมที่อาจทำให้คนรักคู่ครองหึงหวงนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ถูกกระทำที่มีคนรักคู่ครองขี้หึง
กล่าวคือ ลดพฤติกรรมที่ชวนสงสัย เช่น กลับบ้านไม่ตรงเวลา หายไปโดย ไม่บอกกล่าว ปิดโทรศัพท์มือถือ
ไม่สามารถติดต่อได้ เวลาคุยโทรศัพท์แสดงท่าทีวิตกกังวล และเดินเลี่ยงไปพูดที่อื่น ไม่อาบน้ำก่อนเข้านอน
โดยอ้างว่าอาบมาแล้วจากที่อื่น เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นพฤติกรรมที่กระตุ้นให้คนรักคู่ครองแสดงความหึงหวงมากขึ้น
ทั้ง ๆ ที่ความจริงตัวเองอาจมิได้นอกใจคนรักคู่ครองเลย ดังนั้นความสม่ำเสมอและพฤติกรรมที่โปร่งใส
จริงใจ จะช่วยลดอาการหึงหวงของคนรักคู่ครองได้

นอกจากนั้น ควรหมั่นสร้างสัมพันธภาพ ความเข้าอกเข้าใจกับคู่ครองอยู่เสมอ ตามหลักการใช้ชีวิตคู่
 เช่น ให้เวลาในการพบปะ พูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ ใช้เวลาให้มีประสิทธิภาพ รู้จักเรียนรู้กันให้มากกว่าตอนที่คบหาดูใจ
ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันในแบบคู่ครอง ที่สำคัญ ต้องเข้าใจ ให้อภัยและแบ่งปันความรักซึ่งกันและกัน
ต้องใส่ใจคนใกล้ตัวให้มาก เพราะคนส่วนใหญ่จะไม่สนใจดูแลคนใกล้ตัว หากปล่อยให้เกิดขึ้นบ่อย ๆ
 ก็จะกลายเป็นความหมางเมิน ไม่ใส่ใจ และจะนำไปสู่ปัญหาในที่สุด

อย่างไรก็ดี เรื่องหึงแล้วฆ่า เป็นปัญหาที่สะท้อนแนวโน้มความเปราะบางของครอบครัวไทย
ที่มีความซื่อสัตย์ในการใช้ชีวิตคู่ที่ตกต่ำลง การแก้ปัญหาดังกล่าวนี้
ครอบครัวมีส่วนสำคัญมากในการเลี้ยงลูกไม่ให้เติบโตเป็นคนหึงโหด โดยการเลี้ยงลูกด้วยความรัก
ความอบอุ่น สร้างความภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่ลงโทษเด็กรุนแรงทำให้เด็กเกิดความรู้สึกอ้างว้าง
 หวาดกลัว หรือ หวาดผวา เช่น ข่มขู่ว่าจะไม่รัก จะเอาไปปล่อย หรือ กักขังเด็กในห้องมืดหรือห้องแคบ ๆ เป็นต้น
 เพราะความรู้สึกดังกล่าว จะทำให้เด็กเติบโตโดยไม่มีความภาคภูมิใจและขาดความมั่นคงทางจิตใจ
เมื่อมีคนรักคู่ครอง อาจทำให้เป็นคนที่ขี้หึงหวงในแบบที่เป็นภัยต่อผู้อื่นได้

รักอย่างไร? ไม่นำไปสู่คดีหึงโหด
ปิดท้ายกันที่หลักคิดเตือนสติจาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย
โดยพระนักคิด นักเทศน์ ได้เคยตอบปัญหาเกี่ยวกับความหึงหวงแล้วฆ่าคนรักผ่านหัวข้อ
ความรัก = มงกุฎบุปผา + ไม้กางเขนไว้อย่างน่าสนใจ
ซึ่งขออนุญาตหยิบยกบางส่วนบางตอนมานำเสนอต่อดังนี้

“..ความรักจะบริสุทธิ์ งดงาม ก็ต่อเมื่อหัวสมองและหัวใจวางอยู่บนตราชั่งอย่างสมดุล
ถ้าหัวสมอง (แจกัน) และดอกไม้ (อารมณ์) สามัคคีกัน ประสมกลมกลืนกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ
 ไม่รักมากจนงมงาย ไม่มีเหตุผลมากมายจนขาดชีวิตชีวา ชีวิตรักของเราก็สดชื่น เบิกบาน ราบรื่น
ดำเนินไปอย่างสวยสดงดงาม..ถ้าเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งมากเกินไป ความรักซึ่งใครต่อใครมักมองว่าเป็นสิ่งสวยงาม
ก็จะกลายเป็นสิ่งแสนทรามได้ รักมากขนาดไหน ก็ทำร้ายได้มากขนาดนั้น เพราะความรัก
ชังเป็นปฏิภาคผกผันซึ่งกันและกัน ขึ้นลงผันแปรโดยเกี่ยวเนื่องกันอย่างยาก
ที่จะแยกออกเหมือนน้ำขึ้นน้ำลงมีผลโดยตรงกับแรงดึงดูดจากพระจันทร์”

“ส่วนที่ถามว่า ทำไมคนที่รักกันจึงฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งได้ลงคอ สาเหตุมีมากมายเหลือเกิน
บางทีเหตุผลของการฆาตกรรมคนรักอาจไม่ได้มาจากเรื่องความรักความหึงหวงเลยก็เป็นได้
แต่อาจมาจากความใคร่ ความหลงผิด หรือความตกเป็นทาสของอารมณ์อย่างชั่ววูบ
เช่น ความทะเลาะเบาะแว้ง ความเข้าใจผิด ฯลฯ อารมณ์อย่างหนึ่งซึ่งควรระมัดระวังอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีความรักก็คือ
 ‘อารมณ์หึงหวง’ ซึ่งภาษาพระท่านเรียกว่า ‘ภวตัณหา’ อันได้แก่ ความรู้สึกว่า คนที่เรารักนั้นเป็น ‘สมบัติของเรา’
แต่เพียงผู้เดียว โดยลืมนึกถึงความจริงพื้นฐานไปว่า คนที่เรารักนั้นมีความซับซ้อนมากกว่าสมบัติซึ่งเป็นวัตถุสิ่งของ
 เมื่อเรารักใครสักคนต้องระลึกอยู่เสมอว่า คนที่เรารักไม่ใช่สมบัติของเราแต่เพียงผู้เดียว
แต่เขาก็ยังคงเป็นสมบัติของตัวของเขาเอง ซึ่งเราต้องเคารพและให้เกียรติ

นอกจากนั้น เขาก็ยังเป็นสมบัติของพ่อแม่พี่น้องของเขาอีกด้วย พอเราคิดจะให้คนซึ่งมีชีวิตจิตใจ ปัญญา อารมณ์
ความสัมพันธ์อันซับซ้อนกับคนอื่น/สิ่งอื่น มายอมสยบอยู่ในอาณัติของเราเพียงคนเดียวอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วยประการทั้งปวง
 แต่พอทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง ความแตกหักก็จะเกิดขึ้นตรงนี้เอง

ความหึงหวงฆ่าคนรัก ฆ่าอนาคตของคนที่กำลังมีความรักมามากต่อมากแล้ว และก็คงจะฆ่าคนอีกมากมายในอนาคต
ตราบเท่าที่เขาเหล่านั้นสนใจแต่จะรัก โดยที่ไม่เคยคิดจะเรียนรู้เรื่องความรักอย่างถ่องแท้ ดังนั้น เมื่อมีความรักเกิดขึ้นในดวงใจ
ก็ควรจะเปิดตาเปิดใจของตัวเองเอาไว้ให้กว้างเสมอ อย่าจมดิ่งลงไปในหลุมดำของความรักจนลืมพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน อนาคต
ภาระหน้าที่ ศีลธรรม และสถานภาพทางสังคมของตัวเอง เมื่อตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
 ควรหาทางชั่งดูหัวใจและหัวสมองของตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า สองสิ่งนี้ยังสมดุลกันดีอยู่หรือไม่
 อย่าริรักทั้งๆ ที่ยังหลับตา แต่จงรักอย่างลืมตาอยู่เสมอ”

อ่านถึงบรรทัดนี้ คงจะพอสรุปได้ว่า “ความหึงหวง” ใคร ๆ ก็มีได้ แต่มีแล้ว ต้อง “มีสติ” ด้วย
ไม่เช่นนั้นอาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมความรักที่น่ากลัว และลงเอยที่ความตาย คุก และนรกอเวจีในที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหึงโหด ฝ่ายเล่นชู้ และฝ่ายที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาหรือเธอมีเจ้าของแล้วก็ตาม

ข่าวและภาพโดย: ASTV ผู้จัดการ Live

บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,135
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 กันยายน 2563, 10:00:28 AM »

Permalink: Re: ภัยหึงโหดยุคชู้ทางไลน์-กิ๊กทางเฟซฯ..ถูกจับได้ เสี่ยงตายโหง!
 knockout
บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: