-/> โกรธให้เป็น

หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: โกรธให้เป็น  (อ่าน 1483 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,136
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 24 ตุลาคม 2556, 08:48:52 AM »

Permalink: โกรธให้เป็น


โกรธให้เป็น

โปรดถามตัวเองก่อนว่า คุณเคยรู้สึกโกรธใครหรือเปล่า
 ถ้าตอบตัวเองได้ว่าเคย จึงค่อยอ่านต่อไป
แต่ถ้าคุณคิดว่า คุณไม่เคยโกรธ และจะไม่โกรธได้อย่างแน่นอน โดยสุขภาพจิตดี
ก็คงพลิกผ่านเรื่องนี้ไปเถิด



คุณไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในป่าอันสงบร่มรื่น แต่อยู่ในสังคมที่รีบร้อน, แข่งขัน, วุ่นวาย ซึ่งพร้อมที่จะยั่วอารมณ์แต่เช้า
คุณต้องตื่นแต่เช้า ไม่มีเวลาบิดขี้เกียจ เข้าห้องน้ำ (แย่งกันกับคนอีก 5 คนในครอบครัว)
ถือขันรองน้ำประปาขององค์การประปาแห่งประเทศไทยตั้งนาน กว่าจะได้เต็มหนึ่งขัน (หงุดหงิด)
แล้วกระหืดกระหอบออกจากบ้าน บางคนต้องแย่งคนอื่นขึ้นรถเมล์ บางทีก็ถูกคนข้างข้างถองเองบ้าง (โกรธ)
แล้วคนขับขี้โมโหก็เบรคกระทันหัน จนคุณคะมำไปข้างหน้า (คุณโกรธคนขับ คนขับโกรธคันหน้าที่แซงขึ้นหน้า)
คุณคะมำไปกระแทกคนข้างหน้าอย่างแรง คนข้างหน้า (โกรธ) หันมามองคุณตาเขียว พอถึงป้ายที่จะลง
คุณต้องรีบฟันฝ่าฝูงคน ที่อัดกันแน่นอยู่ตรงช่องทางลงคนข้างๆ กำลังจะลงเหมือนกัน เหยียบเท้าคุณเต็มแรง
คุณมัวเสียเวลาหันไปมอง (โกรธ) กว่าจะถึงบันไดรถ ก็พอดีคนขับ (ซึ่งจอดให้เพียง 1/2 วินาที)
กระชากรถออกจากป้ายเสียแล้ว คุณลงรถไม่ทัน (โกรธ) เห็นได้ว่า เพียงชั่วระยะเวลาตั้งแต่ตื่นนอน
จนเดินทางถึงที่ทำงานเท่านั้น คุณก็เสี่ยงต่อการเกิดอารมณ์โกรธใคร หรืออะไรเข้าไปตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว
ไม่ต้องสงสัยว่ากว่าจะถึงเวลาเข้านอน คุณจะต้องเกิดอารมณ์โกรธหรืออารมณ์อื่นๆ สักกี่ครั้ง
ถ้าคุณกดเก็บไว้ทั้งหมดความกดดันทางอารมณ์จะมากสักเพียงไหน

ขณะที่เราเกิดอารมณ์โกรธหรือตกใจ ต่อมแอดรีนัลของร่างกาย จะขับสารคัดหลั่งชื่อ อะดรีนาลิน
ออกมาสู่กระแสโลหิต สารนี้จะกระตุ้นประสาทออโตโนมิคชนิดที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น ฯลฯ
คือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทางสรีรวิทยาภายในร่างกายนั่นเอง เพราะฉะนั้นเรื่องของอารมณ์
หรือจิตใจกับร่างกายจึงสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก การกดเก็บอารมณ์ต่างๆ ไว้มาก จึงมีผลเสียต่อร่างกาย
อาจทำให้เกิดความผิดปกติทางจิตเวชที่เรียกว่าโรคไซโคโซมาติค (psychosomatic) เช่น ท้องอืด
ท้องเฟ้อเป็นอาจิณ, เป็นแผลเปื่อย ในกระเพาะอาหาร, ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด,
โรคปวดท้องบางอย่าง, โรคผิวหนังบางอย่าง

ความดันภายในจิตใจจำเป็นต้องมีทางออก คล้ายแรงอัดดันในแก๊ส ถ้าไม่เจาะรูให้มันออกเสียบ้าง
 ถังนั้นอาจระเบิดเป็นอันตรายได้ ความกดดันทางจิตใจก็เช่นกัน ถ้าไม่มีทางออกก็จะไปออกทางอวัยวะของร่างกาย
 ทำให้เกิดโรคไซโคโซมาติคได้

คุณอาจสงสัยว่า นี่จะแนะนำให้แสดงอารมณ์โกรธ โดยไม่ต้องยับยั้งกระมัง ขอตอบว่า ไม่ใช่
เพราะถ้าเกิดอารมณ์แล้ว แสดงออกตรงๆ ทุกครั้ง ไม่ยับยั้งควบคุมเราก็ไม่แตกต่างจากสัตว์โลกชนิดอื่น
ซึ่งเมื่อโกรธก็ขู่คำราม, ตะปบ หรือกัด เด็กเล็กเมื่อโกรธ ก็แสดงความก้าวร้าวโดยตรง เช่น กัดกระทืบเท้า,
ขว้างปาของ หรือทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงกันข้าม โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น
แต่ผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะ (mature) ย่อมไม่ทำเช่นนั้น เราโกรธได้
ไม่ต้องกดเก็บความโกรธแต่เราต้องรู้จักโกรธ เราอาจบอกให้เขารู้ว่า เราโกรธก็ได้
แต่ไม่ก้าวร้าวเขา และโกรธแล้วรู้จักให้อภัย การบอกให้ใครรู้ว่าเราโกรธควรบอกด้วยเสียงเรียบแต่หนักแน่น
 ไม่ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด บอกสั้นๆ แต่ตรงไปตรงมา จะได้ผลกว่าการตะโกนตะคอก,
 หน้าตาถมึงทึง หรือพูดประชดถากถาง ซึ่งเขาอาจกลัว แต่เขาจะรังเกียจและเกิดความรู้สึกดูถูกชิงชัง
เป็นการเพาะความเป็นศัตรู และท้าทายให้เขาก้าวร้าวมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยสีหน้า, แววตาหรือการกระทำ
ซึ่งจะทำให้เรายิ่งโกรธเขามากขึ้น เป็นวงจรไม่รู้จบ

คนขี้โกรธหรือคนขี้โมโหจะแก้ไขอย่างไร ?

แรงผลักดันของความโกรธอยากก้าวร้าว อาจเปรียบเทียบได้กับพลังงานจากน้ำตก ถ้าปล่อยไปตามธรรมชาติ
อาจเกิดอันตรายใหญ่หลวงถึงขนาดทำลายชีวิตมนุษย์ได้ แต่ถ้ารู้จักเปลี่ยนพลังงานนั้นไปใช้ให้ถูกทาง
อาจเกิดประโยชน์ทางสร้างสรรค์อย่างมหาศาลได้ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนพลังงานจากน้ำตกให้เป็นพลังงานไฟฟ้า

คนขี้โมโหก้าวร้าวควรหาทางออกโดยใช้จิต กลไกชนิดเปลี่ยนไปสู่ทางที่สังคมยอมรับ (sublimation)
เช่น เล่นเทนนิส (วันไหนโกรธใครมาก็หวดให้เต็มแรง จนแขนเกือบหลุดจากบ่า)
อาจกลายเป็นแชมเปี้ยนเทนนิสไปเลยก็ได้ หรือชกกระสอบทราย (สมมติกระสอบทรายเป็นใบหน้าคู่อริ),
ปาเป้า (สมมติว่าปลาลูกศรทะลุตรงหัวใจคนหลายใจ คนนั้นที่บังอาจมาหักอกเรา)
หรือซ่อมเก้าอี้ (ตอกตะปูโป้งเดียวให้จนมิดเลย สมมติหัวตะปู เป็นศีรษะยายปากจัดคนนั้น)

แต่ขอไว้สักอย่างเถิด โกรธใครก็อย่าไปเตะหมาแมวเลย บาปกรรมสงสารมัน

คุณที่มีฝีมือทางวรรณกรรมหรือศิลปะต่างๆ เชิญระบายอารมณ์ตามทางที่คุณถนัด ถ้าคุณโกรธใครขนาด
อยากฆ่าแล้วเผอิญคุณมีฝีมือทางวาดเขียนละก็อย่ารอช้ารับจัดการเลย เปล่าไม่ใช่จัดการฆ่า
จัดการหยิบดินสอพู่กันขึ้นมาวาดภาพ คนถูกฆ่าอาจใช้ชื่อว่า “ฆาตกรเอก แห่งยุคศักดินานายทุน”
ภาพนั้นอาจชนะการประกวดภาพได้รับรางวัลที่หนึ่งก็ได้

ถ้าคุณรู้จักใครที่โมโหร้ายผิดปกติ โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กควรแนะนำให้ญาติพาไปให้จิตแพทย์ตรวจเสียบ้าง
เพราะอาจมีความผิดปกติทางอารมณ์หรือจิตใจอย่างเป็นพยาธิสภาพก็ได้ เช่น ความผิดปกติทางอารมณ์บางอย่างในเด็ก,
โรคลมชัก ปัญญาอ่อน หากเป็นผู้ใหญ่ก็อาจเป็นพวกมีพยาธิสภาพทางจิตใจ หรือทางสมอง
เช่น พวกบุคลิกภาพแปรปรวนชนิดก้าวร้าว, พวกโรคลมชัก ฯลฯ ถ้าโมโหร้ายผิดวิสัยสามัญโดยไม่มีเหตุผล
แล้วยังทำอะไรแปลกๆ อีกด้วย ยิ่งควรพาไปพบจิตแพทย์โดยเร็ว

ฉะนั้น ไม่ว่าจะโกรธมากไปหรือน้อยไป หรือแสดงอารมณ์โกรธไม่ถูกทาง ก็จัดอยู่ในประเภทสุขภาพจิตไม่ดีทั้งสิ้น
แต่ถ้าคุณรู้จักโกรธคือ ไม่มากไปไม่น้อยไป ทั้งแสดงความโกรธถูกทาง คุณก็เป็นปุถุชนที่สุขภาพจิตดีพอสมควรแล้ว
ขอให้มีความสุขและโชคดีปลอดภัยจากโรคไซโคโซมาติค

บทความโดยพญ.สุพัฒนา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา


บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: