หน้า: [1]   ลงล่าง
 
ผู้เขียน หัวข้อ: รื่นรมย์เป็นนิจ…ด้วยจิตคิดบวก  (อ่าน 1561 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้บริหารเว็บ
คะแนนน้ำใจ 65535
เหรียญรางวัล:
PJ ดีเด่นนักอ่านยอดเยี่ยมผู้ดูแลเว็บ
กระทู้: 18,136
ออฟไลน์ ออฟไลน์
"สาวหวาน กับ ความฝันไม่รู้จบ "
   
« เมื่อ: 24 ตุลาคม 2556, 09:09:33 AM »

Permalink: รื่นรมย์เป็นนิจ…ด้วยจิตคิดบวก



รื่นรมย์เป็นนิจ…ด้วยจิตคิดบวก

สำหรับข้าพเจ้าแล้ว เวลาที่อยู่กับโลกอย่างที่โลกเป็นแล้วไม่เป็นทุกข์…มันคือปัญญา
การที่เรามองโลกอย่างที่โลกเป็นแล้วใจเป็นอิสระจากความทุกข์ ก็เรียกว่าเราเป็นอิสรชน ทุกข์มีไว้ให้เห็น

เรื่อง : แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้รับเชิญจากคุณจินตนา เฉลิมชัยกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องสำอางและน้ำหอม
บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นพุทธศาสตรมหาบัณฑิตรุ่นแรกของสาวิกาสิกขาลัย
มหาวิชชาลัยธรรมะเพื่อเยียวยาสังคม ให้ไปเสวนาในเรื่อง “คิดบวก ชีวิตบวก”
 ร่วมกับดีเจอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ภูริดา บัวทรัพย์ (เจ้าของผลงาน “สมองของฉัน อัศจรรย์ใจ”)
 นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (จิตแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช)
ในงาน “Think Positive Think BSC ให้ผู้หญิงคิดบวกยิ่งสวยขึ้น”

“Think Positive Think BSC ให้ผู้หญิงคิดบวกยิ่งสวยขึ้น”
เป็นโครงการที่รณรงค์และส่งเสริมให้ผู้หญิงไทยในสังคมปัจจุบันได้คิดบวกมากขึ้น
โดยเล็งเห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะเปลี่ยน แปลงให้สังคมดีขึ้นได้

และเพราะอยากเห็นผู้หญิงคิดแต่แง่บวก เพื่อให้ความงามจากภายในถ่ายทอดออกมาสู่ภายนอก
 ด้วยเชื่อว่าผู้หญิงคิดบวกจะยิ่งสวยขึ้น ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบีเอสซี คอสเมโทโลจี
จึงรณรงค์ให้ผู้หญิงคิดบวกอย่างต่อเนื่องด้วยการมอบรางวัล “ผู้หญิงคิดบวกประจำปี 2010”
เพื่อจุดประกายความคิดบวกในสังคม และเป็นต้นแบบให้ผู้หญิงยุคใหม่คิดบวกอย่างสร้างสรรค์
และในปี 2553 นี้ ผู้หญิงที่ได้รับรางวัล ได้แก่ พญ.เสาด๊ะ ยุทธสมภพ
กุมารแพทย์ โรงพยาบาลหาดใหญ่

กุลนัดดา ปัจฉิมสวัสดิ์
พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ชนัญชิตา เจริญศิริ ผู้พิพากษาแขวงพระนครเหนือ
 มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ นักแสดง ภูริดา บัวทรัพย์ เจ้าของผลงานหนังสือ “สมองของฉัน อัศจรรย์ใจ”
ปวันรัตน์ นาคสุริยะ พิธีกรและนักแสดง เสาวภา ธีระปรีชากุล เจ้าของโรงเรียนบ้านแม่นกสำหรับเด็กผู้พิการทางสมอง
และวิชญาณี เปียกลิ่น นักร้อง-นักแสดง สำหรับรางวัลสุดยอดผู้หญิงคิดบวก 2553
 ได้แก่ นฤมล มหาชัย เภสัชกรหญิง โรงพยาบาลกำแพงเพชร
โดยคัดเลือกจากการเปิดรับไอเดียคิดบวกถ่ายทอดลงโปสต์การ์ดจากผู้หญิงทั่ว ประเทศที่ส่งมายังเคาน์เตอร์บีเอสซี

บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ เพราะอุดมไปด้วยพลังแห่งการคิดบวก
และวงเสวนาก็ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน โดยมี มีสุข แจ้งมีสุข เป็นผู้ดำเนินการคุยที่ทำให้เห็นแง่งามของการคิดบวก
จากประสบการณ์จริงของผู้ร่วมเสวนาทุกคน

ดีเจอ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ได้ให้นิยามการคิดบวกยุคปัจจุบันว่า การคิดบวกคือการทำอย่างไรก็ได้
ให้มีความสุขภายใต้เงื่อนไขที่มีอยู่ ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจะรับมืออย่างไร ควรยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราให้ได้ก่อน
ถ้ามัวตั้งคำถามที่ตอบได้ยากเย็นว่า ทำไมเรื่องเลวร้ายนี้ถึงเกิดขึ้นกับเรา ทำไมต้องเป็นเรา ก็จะทำให้ไปไหนต่อไม่ได้

ภูริดา บัวทรัพย์ หญิงสาวผู้ที่ต้องพบกับชะตาชีวิตที่พลิกผันภายในเวลาชั่วข้ามคืน ด้วยการต้องเข้าผ่าตัดสมองถึง 3 ครั้ง
แสดงทัศนะว่า เธอยอมรับว่าเคยคิดฆ่าตัวตายในตอนแรก แต่ต่อมาก็เปลี่ยนความคิดได้ว่า
เธอต้องอยู่ให้ได้ อะไรจะเกิด…ก็ต้องเกิด จึงพยายามกลับมาเดินให้ได้อีกครั้ง ปัจจุบันไปไหนมาไหนคนเดียว…
และทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้แล้ว

นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ โรงพยาบาลสมิติเวช กล่าวว่า การคิดบวกเป็นการชะลอความเจ็บป่วยทางด้านจิตใจ
 เหมือนกับว่าชีวิตของเรานั้นมีระเบิดเวลาอยู่ ถ้าเราดูแลตัวเองดีๆ การคิดบวกจะเป็นการช่วยทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาได้ดีขึ้น
เราอาจจะไม่เจ็บป่วยก็ได้ แต่เรื่องจิตเวชเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน และบางทีอาจจะเป็นเรื่องที่ได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ถ้าเราสามารถจัดการดูแลมันได้ มันก็อาจจะแค่ได้รับการถ่ายทอดมา แต่ไม่ระเบิดออกมา

และข้าพเจ้าได้ร่วมแลกเปลี่ยนว่า

“สำหรับข้าพเจ้าแล้ว เวลาที่อยู่กับโลกอย่างที่โลกเป็นแล้วไม่เป็นทุกข์…มันคือปัญญา
การที่เรามองโลกอย่างที่โลกเป็นแล้วใจเป็นอิสระจากความทุกข์ ก็เรียกว่าเราเป็นอิสรชน ทุกข์มีไว้ให้เห็น
ไม่มีไว้ให้เป็น พุทธศาสนาพูดเรื่องทุกข์ที่ไม่ใช่แค่เพียงการอมทุกข์ หรือการกอดทุกข์ แต่พูดเรื่องทุกข์เพื่อพ้นทุกข์
ดังนั้นเวลาที่เรามองเห็นทุกข์เป็นแค่เพียงปรากฏการณ์ แล้วเรายืนดู ไม่ลงไปคลุกคลี ก็จะเห็นได้ว่าการเห็นแล้วไม่เป็นนั้น
 เป็นกระบวนการของปัญญา แล้วเราทุกคนสามารถที่จะทำสิ่งนั้นได้…

ถ้าถามว่าทำยากไหม ก็ตอบได้ว่ายากตรงที่เราไม่เริ่ม แต่ทันทีที่เริ่ม ทันทีที่ก้าว เราจะถึงเป้าเลย
สำหรับการเป็นมนุษย์ที่แท้ ไม่เป็นแค่เหยื่อของอารมณ์นั้น เรื่องแรกคือต้องมีสติอารักขาจิต
ดังนั้นถ้าเราเริ่มเจริญสติในทุกลมหายใจ ก็จะพบว่าในปัจจุบันขณะที่เรามีลมหายใจแห่งสติที่อารักขาจิต
เราจะเคลื่อนชีวิตด้วยจิตที่ไม่ขุ่นมัว ฉะนั้นจึงอยู่ที่ว่าเราเริ่มหรือยัง…ไม่ว่าอะไรก็ตาม ถ้าไม่ทำบ่อยๆ ฝึกบ่อยๆ
ก็ไม่มีทางเกิดความชำนาญได้ เวลาที่เราฝึกแล้วเกิดความชำนาญ กลายเป็นวินัย ซึ่งวินัยก็คือความเคยชินที่ดีงาม
ดังนั้นการคิดบวกต้องมาจากการมีวินัยในการที่จะรู้คิด ไม่ใช่หลงคิด ถ้าคิดบวกในความหลง…ก็คงไม่ใช่ เพราะฉะนั้น
 ความรู้สึกชอบชังที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจของเรานั้น เป็นช่องทางที่เราปฏิเสธโลกไม่ได้
 แต่เราอยู่กับโลกอย่างเหนือโลกได้ ถ้าเราเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเข้าไปกระทบโลก แล้วเรารู้ทันไหว ใจก็จะตื่น
ปรากฏการณ์นี้…สำหรับการมีความสม่ำเสมอในการฝึกแล้ว
จะบอกได้ว่าทำให้ชีวิตของเราเดินทางได้อย่างคล่องแคล่ว คมชัด และกระชับ”

แต่ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง…หากต้องการชีวิตที่รื่นรมย์เป็นนิจ…ก็ต้องฝึกให้จิต…คิดบวก



บันทึกการเข้า


♪♪♪ รวมบทกลอนน้องจ๋า คลิกค่ะ ...

ขอบคุณทุกภาพจาก Internet และเพลงจากYouTube
หน้า: [1]   ขึ้นบน
 
 
กระโดดไป: